×

ชาวอเมริกันยกให้การอาศัยใน กรุงเทพฯ ดีกว่าบ้านเกิด เพราะสามารถ ‘ใช้ชีวิตหรูหรา’ ด้วยเงิน 8,000 ดอลลาร์ หรือ 2.8 แสนบาทต่อเดือน

09.08.2022
  • LOADING...
กรุงเทพฯ

‘เจสซี โชเบิร์ก’ (Jesse Schoberg) เริ่มวางแผนหลบหนีจากเมืองเอลค์ฮอร์น รัฐวิสคอนซิน ซึ่งเขาเกิดและเติบโต ด้วยมองว่า เล็ก เงียบสงบ และไม่มีกิจกรรมอะไรเลย เขากล่าวกับ CNBC Make It ว่า “ฉันรู้เสมอว่าฉันต้องการออกไปสำรวจโลก”

 

เขาในวัย 41 ปีอาศัยอยู่ต่างประเทศมา 14 ปีแล้ว เดินทางไปแล้ว 40 ประเทศ และเขาไม่มีแผนจะกลับสหรัฐฯ ในเร็วๆ นี้ โดยโชเบิร์กเอาชนะเส้นทางชีวิตเดิมๆ อย่างการเรียนต่อมหาวิทยาลัย และการหาเช้ากินค่ำ โดยเลือกที่จะย้ายไปอยู่เมืองแมดิสัน ในวัย 19 ปี เริ่มเรียนเขียนโค้ดและใช้ทักษะของเขาในการช่วยออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ต่างๆ

 

และตอนอายุ 27 ปี เขาเริ่มเบื่อหน่ายกับชีวิต และได้ตัดสินใจย้ายไปห้องเล็กๆ ณ เมืองเดนเวอร์ในรัฐโคโลราโด แต่จิตใจของเขายังคงล่องลอยไปหา ‘ปานามาซิตี’ เมืองที่ทำให้เขามีวันหยุด ‘ที่ดีที่สุดในชีวิต’

 

ในที่สุดเขาก็ได้ย้ายไปอยู่ในปานามาซิตีในปี 2008 และได้อาศัยอยู่ที่นั่นประมาณ 6 ปี ก่อนจะจัดกระเป๋ากลายเป็นนักเดินทางรอบโลกในฐานะนักเทคโนโลยีเร่ร่อน (Digital Nomad)

 

ระหว่างการเดินทางอันยาวนาน โชเบิร์กเผยว่า พบว่าเขาสามารถเรียกกรุงเทพฯ ว่า ‘บ้าน’ ได้อย่างเต็มปาก โดยได้แชร์ห้องร่วมกันกับคู่หมั้นของเขาชื่อ จานีน

 

“เมื่อเทียบคุณภาพชีวิตระหว่างประเทศไทยและสหรัฐฯ นั้น ประเทศไทยมีดีกว่าถึง 90% และที่ไทยนั้นปราศจากความเครียดใดๆ” เขากล่าว

 

เขาได้สร้างชื่อให้ตัวเองในฐานะ Entrepreneur และนักพัฒนาเว็บไซต์ และได้รับเงินเดือน 6 หลักต่อปี แต่ความสำเร็จของเขาไม่ได้สร้างเพียงชั่วข้ามคืน โดยตอนเขาไปปานามาซิตี เขาพาบริษัทออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ของเขาที่ก่อตั้งขึ้นครั้งยังอยู่อเมริกาไปด้วย

 

ในปี 2013 เขาและเพื่อนอีก 2 คนอย่าง เจสัน เมย์ฟิลด์ และลอร่า ลี ได้สร้างซอฟต์แวร์เริ่มต้นที่มีชื่อว่า DropInBlog ที่ช่วยเจ้าของเว็บไซต์สร้างบล็อกที่เหมาะสมกับ SEO ของบริษัทภายในเวลาไม่กี่นาที ณ เวลานี้ DropInBlog มีพนักงานในบริษัททั้งหมด 12 คน โดยมีโชเบิร์กเป็นซีอีโอ

 

การเป็นเจ้านายตัวเองทำให้เขามีเวลาที่ยืดหยุ่นมากขึ้น และเขาใช้ช่วงเวลานั้นในการเดินทางไปทั่วโลก หลังจากเดินทางไปหลายทวีปแล้ว เขาตัดสินใจลองไปทวีปเอเชีย และได้ใช้ช่วงสั้นๆ ในไต้หวัน ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์

 

ในปี 2015 เขามาเที่ยวที่ไทย และได้รู้ทันทีว่าเขาพบบ้านใหม่ของเขาแล้ว “เมื่อผมมาเยือนกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก หัวใจผมเต้นแบบเดียวกับที่ปานามาเลยแหละ ทั้งพลังงานอันเหลือเชื่อบนท้องถนนและกับผู้คนอีกด้วย” เขากล่าว “ผมรู้ทันทีว่ากรุงเทพฯ จะเป็นปานามา 2.0 ของผม”

 

นับตั้งแต่เขาย้ายมากรุงเทพฯ โชเบิร์กสามารถใช้เงินกินข้าว เที่ยว และสำหรับความชอบอื่นๆ ได้มากขึ้น รวมถึงเงินออมที่เพิ่มขึ้นของเขาอีกด้วย “ผมสามารถมีชีวิตที่ดีในสหรัฐฯ ได้ แต่อยู่ที่นี่มันดีกว่ามาก” เขากล่าว “ระดับของบริการที่นี่ดีกว่าที่สหรัฐฯ มาก อย่างโรงหนังที่ดีกว่า และรถยนต์ที่ดีกว่า พวกมันทำให้คุณลืมสหรัฐฯ ไปเลย”

 

‘Entrepreneur และซีอีโอ’ สองสิ่งนี้ทำให้เขามีรายได้ประมาณ 230,000 ดอลลาร์ หรือราว 8,200,000 บาทต่อปี และรายจ่ายที่หนักที่สุดของเขาคือค่าเช่าห้องและค่าน้ำ ซึ่งรวมกันแล้วประมาณ 2,700 ดอลลาร์ หรือราว 96,000 บาทต่อเดือน

 

โชเบิร์กและคู่หมั้นใช้เงินประมาณ 1,900 ดอลลาร์ หรือราว 67,000 บาทต่อเดือน ไปกับอาหาร โดยเขามักจะสั่งอาหารจากในแอปพลิเคชันยอดนิยมสำหรับคนไทย โดยอาหารจานโปรดของเขาคือ ข้าวซอย และผัดกะเพรา

 

เขากล่าวว่าวงการอาหารในประเทศไทยนั้น ‘เป็นเรื่องดีอย่างมาก’ ในการมาอาศัยที่ประเทศไทย และเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เขาตัดสินใจมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ถาวร “กรุงเทพฯ มีอาหารที่สุดยอด อาหารทุกทั่วมุมโลกมันอยู่ที่นี่แล้ว”

 

เขากำลังวางแผนอยู่ในประเทศไทยแบบถาวร และจะเก็บเม็กซิโกไว้ในฐานะบ้านหลังที่ 2 โดยยังไม่มีเหตุผลให้กลับสหรัฐฯ “มันสุดยอดมากที่ได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ และอาหารต้นตำรับจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงการพูดคุยกับคนที่มีความคิดที่แตกต่างกัน” เขากล่าว “ผมชอบการใช้ชีวิตแบบนั้น รวมถึงความเรียบง่ายของการที่ไม่มีความขัดแย้งแบบในสหรัฐฯ

 

เป้าหมายของเขาคือการตั้งรกรากในทวีปต่างๆ ทั่วโลก แต่เขาไม่ได้วางแผนไปไกลมากนัก

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising