Bloomberg รายงานว่า Deutsche Bank AG ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มรายรับจากธุรกิจ Private Banking จากเอเชียเป็นสองเท่าในระยะเวลา 5 ปี ด้วยการดึงดูดเหล่าเศรษฐีในเอเชีย รวมถึงเข้าร่วมกับบริษัทอื่นๆ เพื่อแสวงหาโอกาส หลังวิกฤต Credit Suisse Group AG ล่ม ทำให้ลูกค้าหนีหาย
Young Jin Yee ผู้อำนวยการฝ่าย Private Banking ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของ Deutsche Bank AG ระบุว่า ธนาคารกำหนดเป้าหมายลูกค้าของธุรกิจ Private Banking จะต้องมีสินทรัพย์ลงทุนขั้นต่ำที่ 50 ล้านยูโรกับทางธนาคาร โดยย้ำว่า เป้าหมายของธนาคารก็คือการเพิ่มรายได้เป็นสองเท่าภายในปี 2027 รวมถึงมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้น
แผนธุรกิจครั้งนี้ Young ประกาศขึ้นระหว่างงานทาวน์ฮอลล์ที่ฮ่องกงฉลองครบรอบ 100 วันที่เข้าร่วมกับธนาคาร Deutsche Bank AG เมื่อวันอังคารที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งในระหว่างทาวน์ฮอลล์ Young ได้เปิดกลยุทธ์ของ Deutsche Bank AG ท่ามกลางพนักงานหลายร้อยคนทั่วภูมิภาค เช่น จีน สิงคโปร์ อินเดีย และดูไบ ที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้
รายงานระบุว่า เพื่อรองรับเป้าหมายดังกล่าว ทางธนาคาร Deutsche Bank AG ยังได้จ้างบรรดานักบริหารความมั่งคั่งระดับสูงในเอเชีย เนื่องจากเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ในปี 2021 ธนาคาร Deutsche Bank AG อยู่ในอันดับที่ 14 ในรายชื่อ Asian Private Banker สำหรับเอเชีย (ไม่รวมจีนแผ่นดินใหญ่) โดยพิจารณาจากสินทรัพย์มูลค่า 79,000 ล้านดอลลาร์
Young กล่าวว่า ตนเองต้องการแน่ใจว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าและหลังจากนั้น ธนาคาร Deutsche Bank AG จะได้รับการยอมรับว่าเป็นธนาคารเอกชนที่ดีที่สุดสำหรับ APAC ตามที่ให้คำจำกัดความไว้ พร้อมย้ำชัดว่า ขนาดไม่ใช่เรื่องสำคัญ และ Deutsche Bank AG ต้องการเป็นธนาคารที่ลูกค้าต้องการใช้บริการธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการและครอบครัว นอกจากนี้ Deutsche Bank AG ยังมีการดำเนินงานด้านบรรษัทภิบาลที่ให้กู้ยืมแก่ธุรกิจต่างๆ ในเอเชีย
รายงานระบุว่า Deutsche Bank AG จะต้องแข่งขันกับ UBS ซึ่งเป็นผู้จัดการความมั่งคั่งรายใหญ่ที่สุดของโลกที่เพิ่งตกลงเข้าซื้อ Credit Suisse ตามที่ได้รับข้อเสนอจากรัฐบาลเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งในบรรดาธนาคารต่างประเทศ UBS ครองตลาดความมั่งคั่งส่วนใหญ่ในภูมิภาค รวมถึงจีนแผ่นดินใหญ่และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ Sharnie Wong นักวิเคราะห์อาวุโสของ Bloomberg Intelligence กล่าวในรายงานว่า ในภูมิภาคเอเชีย ธนาคาร HSBC, DBS Group Holdings Ltd และ China Merchants Bank เป็นหนึ่งในธนาคารที่ได้รับกระแสความมั่งคั่งจากการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดที่เกิดจากดีล UBS-Credit Suisse
ด้าน Young ระบุว่า เป้าหมายครั้งนี้ทำให้ทางธนาคารได้ทบทวนว่าจะเพิ่มเกณฑ์ขั้นต่ำของสินทรัพย์ที่ลูกค้าจำเป็นต้องเก็บไว้กับธนาคารในเอเชียหรือไม่ รวมถึงการวางแผนที่จะจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อรองรับบริการดังกล่าวเพิ่มขึ้นด้วยในเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยไม่ได้บอกถึงจำนวนจ้างงานที่ชัดเจน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เกิดอะไรขึ้นกับ ‘ฮ่องกง’ ทำไมสถานะ ‘ศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย’ กำลังถูกสั่นคลอน และอาจกลายเป็นแค่อดีต
- ส่องกรณีศึกษาการเติบโตของ เศรษฐกิจสิงคโปร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า
- เปิดจุดเด่น เวียดนาม หลังจ่อขึ้นแท่นประเทศที่คว้าชัยในยุค Deglobalization
อ้างอิง:
