×

ปชป. แถลงจุดยืน ยึดมั่นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เร่งแก้ รธน. ไม่สนับสนุนใช้ความรุนแรง

โดย THE STANDARD TEAM
18.10.2020
  • LOADING...

วันนี้ (18 ตุลาคม) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ว่า ที่ประชุมมีการหารือสองประเด็น คือ การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน

 

โดยที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์มีมติให้ความเห็นชอบส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสมาชิกจังหวัดใน 2 จังหวัด คือ จังหวัดสงขลา โดยพรรคมีมติส่ง ว่าที่ ร.ต. ไทยเจน มากสุวรรณ์ ลงรับสมัครเลือกตั้ง ส่วนจังหวัดสตูล พรรคมีมติส่ง เกตุชาติ เกษา ลงสมัครรับเลือกตั้ง

 

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ได้ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิดมาโดยลำดับ พรรคมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันเช่นเดียวกับประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่มีผลกระทบต่อสถาบัน

 

พรรคประชาธิปัตย์จึงขอประกาศจุดยืนของพรรคให้ทราบดังต่อไปนี้

  1. พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

 

“พรรคประชาธิปัตย์เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นอุดมการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์มาเมื่อปี 2489 จนถึงปัจจุบันก็ยังคงยึดมั่นไม่มีเปลี่ยนแปลง”

 

  1. พรรคเห็นว่าการแก้ปัญหาทางการเมืองในปัจจุบันควรใช้แนวทางสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะโดยฝ่ายใดก็ตาม

 

  1. พรรคเห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองควรจะมีการใช้รัฐสภาเป็นเวทีหาทางออกให้กับประเทศ ภายใต้การรับฟังและการแสวงหาความร่วมมือ ร่วมใจ และการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ 

 

โดยมีความเห็นเพิ่มเติมที่เป็นรูปธรรมว่า สถานการณ์ในขณะนี้รัฐบาลควรจะได้เป็นเจ้าภาพในการเปิดสภาสมัยวิสามัญ เพื่อให้สามารถดำเนินสิ่งที่รัฐสภาจะได้หาทางออกให้กับประเทศได้อย่างชัดเจน 

 

กล่าวคือ ประการที่หนึ่ง เห็นว่า ‘ควรจะใช้เวทีรัฐสภาในการเร่งรัดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ’ โดยเห็นควรให้มีการเร่งดำเนินการเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการในทันทีที่สามารถทำได้ และไม่ควรมีเงื่อนไขใดๆ ที่จะนำไปสู่การทำให้สังคมเกิดความเข้าใจว่ามีการยื้อเวลา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการที่จะนำไปสู่การทำประชามติก่อนรับหลักการในวาระที่หนึ่ง เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ได้ระบุไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถดำเนินการได้ และจะต้องทำประชามติก็ต่อเมื่อได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาในวาระที่สามไปแล้วก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เท่านั้นที่จำเป็นจะต้องนำไปสู่การทำประชามติ

 

ประการที่สอง พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าควรจะได้มีการใช้มาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญเป็นการแสวงหาทางออกให้กับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน รัฐธรรมนูญมาตรา 165 ระบุว่าให้คณะรัฐมนตรีสามารถเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อรับฟังความเห็นจากสมาชิกรัฐสภา โดยไม่มีการลงมติเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ และหาทางออกให้กับสถานการณ์ที่จำเป็นได้

 

ประการที่สาม พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าภายหลังจากการรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย ควรจะมีการตั้งคณะทำงานหรือตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมารับฟังความเห็น และแสวงหาทางออกร่วมกันกับภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้านสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมที่ต้องการให้ความร่วมมือในการแสวงหาทางออกของประเทศร่วมกัน

 

เพื่อทำให้สิ่งเหล่านี้ปรากฏเป็นจริงได้ นอกจากผู้ที่เกี่ยวข้องของพรรคในคณะรัฐบาลจะได้นำเรื่องนี้ไปหารือกับคณะรัฐมนตรีแล้ว ในส่วนของสภาก็จะได้มอบหมายให้วิปของพรรคไปหารือกับวิปของพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้มีความเห็นร่วมกันในการที่จะดำเนินการตามแนวความคิดนี้ต่อไป เพื่อหาทางออกร่วมกันให้กับสถานการณ์ของบ้านเมือง และสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบันให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising