×

ถอดรหัส ทำไมเราเสพติดไลฟ์ขายของ? แล้วจะเลิกช้อปได้อย่างไร

22.10.2025
  • LOADING...
ถอดรหัส ทำไมเราเสพติด ไลฟ์ขายของ? แล้วจะเลิก ช้อป ได้อย่างไร

ในยุคที่โซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ‘ไลฟ์สดขายของ’ หรือ Live Commerce ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ที่มาแรงอย่างฉุดไม่อยู่ หลายคนพบว่าตัวเองกำลังจ้องหน้าจอ แย่งชิงกด CF (Confirm) สินค้าอย่างเมามัน และเมื่อรู้ตัวอีกที กองพัสดุก็เต็มหน้าบ้าน สวนทางกับเงินในบัญชีที่ร่อยหรอลงไป

 

การซื้อของที่ควรจะเป็นความสุข กลับกลายเป็นการสร้างภาระโดยไม่รู้ตัว เราเสียเงินเสียทองไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นหรือไม่คุ้มค่า และบางครั้งอาจหนักหนาถึงขั้นต้อง ‘ยืมเงินในอนาคตมาใช้’ หรือก่อหนี้สินเกินตัว

 

ทำไม Live Commerce ถึงทรงพลังและทำให้เราเสพติดได้ขนาดนี้?

 

กลยุทธ์ที่ผู้ค้าใช้ในไลฟ์สดนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นจิตวิทยาการซื้อของเราอย่างแยบยล

 

1. การเข้าถึงที่ง่ายดาย

 

โลกออนไลน์เปิดตลอด 24 ชั่วโมง เราสามารถไถฟีดและเจอไลฟ์ขายของได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่บนเตียงก่อนนอน หรือระหว่างพักกลางวัน ความง่ายดายนี้ทำให้ ‘การช้อปปิ้ง’ สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ

 

2. การใช้ความเร่งด่วน

 

กลยุทธ์คลาสสิกที่ได้ผลเสมอ เช่น ‘โปรโมชั่นนี้เฉพาะในไลฟ์เท่านั้น’ ‘ส่งฟรีเมื่อชำระเงินในหนึ่งชั่วโมง’ หรือ ‘ราคาพิเศษ 5 นาทีสุดท้าย’ คำพูดเหล่านี้สร้างแรงกดดันมหาศาลให้ผู้ซื้อต้องตัดสินใจทันที ปิดโอกาสในการไตร่ตรองว่าจำเป็นต้องซื้อจริงหรือไม่

 

3. ความขาดแคลน และ FOMO

 

โดยพื้นฐานแล้ว มนุษย์เรามีสัญชาตญาณที่ถูกฝังมาว่า ‘ของที่หายาก = ของที่มีค่า’ เมื่อเราเห็นว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งกำลังจะหมดไป เราจะให้ค่ามันสูงขึ้นทันทีโดยอัตโนมัติ

 

ในไลฟ์สดจะมีการพูดบ่อยครั้งว่า ‘สินค้ามีจำนวนจำกัด’ ‘สีนี้เหลือแค่ 5 ชิ้นสุดท้าย!’ คำพูดเหล่านี้กระตุ้นสัญชาตญาณ ‘กลัวตกขบวน’ หรือ FOMO (Fear Of Missing Out) เรากลัวว่าจะพลาดของดีที่คนอื่นได้ไป ทำให้ต้องรีบแย่งชิงมาครอบครองก่อนที่ของจะหมด

 

สมองของเราจะเปลี่ยนโหมดทันที จากการคิดวิเคราะห์ด้วยเหตุผลว่า ‘ฉันจำเป็นต้องใช้ไหม?’ ไปสู่การใช้อารมณ์และความรู้สึกว่า ‘ฉันต้องได้มันก่อนที่มันจะหมด!’ ความกลัวที่จะเสียดายในภายหลัง มักจะมีพลังเหนือกว่าความตั้งใจที่จะประหยัดเงินในปัจจุบันเสมอ

 

4. การแข่งขันและความรู้สึกเป็นผู้ชนะ

 

บรรยากาศในไลฟ์สดที่มีคนดูพร้อมกันหลายร้อยหรือหลายพันคน การพิมพ์ ‘CF’ หรือ ‘รับ’ แข่งกับคนอื่น สร้างบรรยากาศของการแข่งขัน เมื่อเรา ‘CF ทัน’ สมองจะหลั่งสารแห่งความสุข (โดพามีน) ทำให้เรารู้สึกเป็นผู้ชนะ รู้สึกพิเศษกว่าคนที่พลาดไป สิ่งนี้กระตุ้นให้เราอยากกลับมา ‘ชนะ’ อีกครั้งในการซื้อครั้งต่อไป

 

5. ความบันเทิง (Shoppertainment)

 

นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ไลฟ์ขายของแตกต่างจากการช้อปปิ้งแบบเดิมๆ ไลฟ์สมัยนี้ไม่ได้แค่ขายของ แต่คือ ‘การแสดง’ (Show) พ่อค้าแม่ค้าที่มีลีลาสนุกสนาน พูดคุยเก่ง หรือสร้างคอนเทนต์ที่น่าติดตาม กลายเป็น ‘Shoppertainment’ (Shopping + Entertainment) ที่ดึงดูดให้เราดูจนจบ

 

เมื่อเราดูไลฟ์ของคนเดิมซ้ำๆ เราจะเริ่มรู้สึก ‘ผูกพัน’ หรือ ‘เชื่อมโยง’ กับผู้ขาย เรารู้สึกเหมือนรู้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัว การดูไลฟ์จึงกลายเป็นการใช้เวลาว่างเพื่อความผ่อนคลาย เหมือนการดูรายการทีวีโปรด

 

และจุดที่อันตรายที่สุดก็คือ เมื่อเราเพลิดเพลินและเกราะป้องกันทางเหตุผลของเราลดลง การซื้อของจึงเกิดขึ้นแทบจะเป็นเรื่อง ‘บังเอิญ’ หรือเป็น ‘ผลพลอยได้’ จากการเข้ามาชมการแสดง ไม่ได้เริ่มจาก ‘ฉันอยากได้เสื้อ’ แต่เริ่มจาก ‘ฉันมาดูไลฟ์คนนี้สนุกๆ… เอ้า ของน่าสนใจ กดซื้อซะเลย’

 

Shoppertainment เปลี่ยนการตัดสินใจซื้อที่เคร่งเครียด ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ความสนุก การจ่ายเงินจึงรู้สึกเหมือนเป็นการสนับสนุนเอนเตอร์เทนเนอร์ที่เราชื่นชอบ หรือเป็นตั๋วในการร่วมสนุกไปกับคอมมูนิตี้นั้น มากกว่าจะเป็นการใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล

 

6. ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง (Buy Now, Pay Later – BNPL)

 

ปัจจัยเร่งสุดท้ายคือเทคโนโลยีทางการเงิน หลายแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มมีฟีเจอร์ ‘ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง’ หรือ ‘ผ่อน 0%’ ที่อนุมัติง่ายดาย มันทลายกำแพงความลังเลเรื่องราคา ทำให้เรารู้สึกว่าจ่ายไหว ทั้งที่จริงแล้วมันคือการดึงเงินในอนาคตมาใช้ และกระตุ้นให้เราใช้จ่ายเกินตัวได้ง่ายขึ้นอย่างน่ากลัว

 


 

แล้วจะ ‘เบรก’ ตัวเองอย่างไร ไม่ให้ตกเป็นทาสการตลาด?

 

การรู้เท่าทันกลไกกระตุ้นให้ช้อปกระหน่ำเหล่านี้คือเกราะป้องกันด่านแรก แต่หากเริ่มรู้สึกว่าเราควบคุมการช้อปปิ้งออนไลน์ของตัวเองไม่ได้ ลองใช้วิธีเหล่านี้เพื่อดึงสติกลับมา

 

1. ตั้งงบประมาณที่ชัดเจน

 

เริ่มต้นด้วยการสร้างวินัยขั้นพื้นฐานที่สุด คือการกำหนดงบประมาณที่ชัดเจนสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยหรือการช้อปปิ้งเพื่อความบันเทิงในแต่ละเดือน ตัวเลขนี้ต้องเป็นตัวเลขที่เรา ‘ยอมรับได้’ ว่าจะเสียไปโดยไม่กระทบต่อค่าใช้จ่ายจำเป็น เมื่อใช้จ่ายจนครบวงเงินที่ตั้งไว้แล้ว ต้องบังคับตนเองให้หยุดโดยเด็ดขาด นี่คือการสร้างเส้นแบ่งทางการเงินที่ชัดเจนให้กับตนเอง และฝึกการควบคุมตนเองในด่านแรก

 

2. ออมก่อนเสมอ

 

ปรับเปลี่ยนวิธีคิดจากการ ‘ใช้ก่อนเหลือค่อยออม’ มาเป็น ‘ออมก่อนเสมอ’ (Pay Yourself First) ทันทีที่รายรับเข้ามา ให้จัดสรรเงินส่วนหนึ่ง (เช่น 10-20%) ไปยังบัญชีเงินออมหรือการลงทุนที่แยกต่างหากทันที เงินที่เหลืออยู่ในบัญชีใช้จ่ายคือจำนวนเงินสุทธิที่เราสามารถบริหารจัดการได้จริง การเห็นยอดเงินที่จำกัดจะช่วยสร้างการยับยั้งชั่งใจโดยอัตโนมัติ เมื่อเทียบกับการเห็นยอดเงินเต็มจำนวนที่ลวงตาว่าเรามีกำลังซื้อเหลือเฟือ

 

3. แยกแยะ ‘Want’ (อยากได้) ออกจาก ‘Need’ (จำเป็น)

 

นี่คือหัวใจสำคัญของการรู้เท่าทันอารมณ์ กลไกของไลฟ์สดเก่งกาจในการเปลี่ยน ‘ความอยากได้’ ให้ดูเหมือน ‘ความจำเป็น’ ก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง

 

จงหยุดถามตัวเองด้วยคำถามสำคัญ 3 ข้อ

 

  • สิ่งนี้จำเป็นต่อการดำรงชีวิตจริงหรือไม่?
  • เรามีของที่ทำหน้าที่ทดแทนกันได้อยู่แล้วหรือยัง?
  • และหากไม่ซื้อในตอนนี้ ชีวิตจะได้รับผลกระทบหรือเดือดร้อนหรือไม่?

 

คำถามเหล่านี้คือกระบวนการดึง ‘เหตุผล’ ให้กลับมาทำงานเหนือ ‘อารมณ์’ ที่กำลังถูกกระตุ้น

 

4. ใช้กฎ ‘ตะกร้า 24 ชั่วโมง’

 

การตลาดในไลฟ์สดคือการซื้อด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เราต้องต่อสู้ด้วย ‘การทอดเวลา’ หากพบสิ่งที่ถูกใจ ให้กดเพิ่มลงในตะกร้าสินค้า แต่ห้ามชำระเงินทันที ให้ทิ้งระยะเวลาในการตัดสินใจอย่างน้อยหนึ่งวัน เมื่อความตื่นเต้นในไลฟ์จางหายไป และเรากลับมาทบทวนตะกร้าอีกครั้งด้วยสติ หลายครั้งเราจะพบว่าความอยากได้นั้นลดลงไปมาก หรือสามารถตัดใจลบออกจากตะกร้าได้โดยง่าย

 

5. กำหนดเวลาการเสพสื่อและช้อปปิ้ง

 

บ่อยครั้งการช้อปปิ้งที่เกินจำเป็นเกิดจากความเบื่อหน่ายหรือการไถหน้าจออย่างไร้จุดหมาย การเสพสื่อบันเทิงเหล่านี้มากเกินไปคือการเปิดโอกาสให้ตนเองถูกกระตุ้นโดยไม่จำเป็น ควรกำหนดเวลาที่ชัดเจนในการเข้าชมแอปพลิเคชันช้อปปิ้งหรือไลฟ์สด เช่น ไม่เกิน 30 นาทีต่อวัน เมื่อครบกำหนดเวลา ต้องบังคับตนเองให้ปิดและเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่นที่สร้างสรรค์กว่า นี่คือการลดโอกาสในการเสียเงินโดยไม่ตั้งใจ

 

6. รอคอยการลดราคาสำหรับสิ่งที่จำเป็น

 

ปรับทัศนคติจากการ ‘ซื้อเพราะลดราคา’ เป็นการ ‘ซื้อของที่จำเป็นในราคาที่ลดลง’ การตลาดมักใช้คำว่า ‘โปรโมชั่น’ หรือ ‘ลดพิเศษ’ มาเป็นกับดักทางอารมณ์

 

จงบอกตัวเองให้อดทนรอคอย หากสิ่งนั้นจำเป็นต้องใช้จริงๆ ให้วางแผนซื้อในช่วงโปรโมชั่นใหญ่แทนการซื้อตามไลฟ์สดรายวัน การฝึกการรอคอยนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเงิน แต่ยังช่วยคัดกรองความต้องการที่แท้จริงออกจากความต้องการชั่วคราวได้อีกด้วย

 

7. ระวังการใช้เครดิตและเงินอนาคต

 

ระมัดระวังการใช้ ‘เงินอนาคต’ อย่างสูงสุด ทั้งบัตรเครดิตและบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (BNPL) กลไกเหล่านี้ทำให้เราสูญเสียความรู้สึกเจ็บปวดจากการจ่ายเงิน และทำลายวินัยทางการเงินที่ดี พยายามจำกัดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยด้วยเงินสดหรือบัญชีเดบิตเท่านั้น หากวงเงินในบัญชีไม่เพียงพอ นั่นคือสัญญาณที่ชัดเจนว่าเรา ‘ยังไม่พร้อม’ ที่จะซื้อสิ่งนั้น ไม่ใช่การหาทางใช้เครดิตเพื่อครอบครองมัน

 

ไลฟ์สดขายของไม่ใช่ผู้ร้าย แต่สิ่งที่อันตรายคือ ‘การขาดสติในการซื้อ’ ถ้าเราเข้าใจกลไกการกระตุ้นยอดขาย และการรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง จะช่วยให้เราเป็นผู้ควบคุมการใช้จ่าย แทนที่จะเป็นทาสของการตลาด ก็กลับเป็นผู้บริโภคที่ตระหนักรู้ ใช้เหตุผลนำอารมณ์ ทำให้เราช้อปปิ้งให้มีความสุข โดยไม่สร้างความทุกข์ให้เงินในกระเป๋าในอนาคต

 

ภาพ: Filmstax / Getty Images

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising