วานนี้ (26 มกราคม) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล แถลงข่าวเรื่อง ‘วัคซีนที่คนไทยต้องรู้’ ว่าการเกิดภูมิคุ้มกันโรคมาจากสองวิธี คือการเกิดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติจากการติดเชื้อโควิด-19 ในคนจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ป้องกันตนเอง ซึ่งบางคนอาจมีความเสี่ยง เกิดอาการรุนแรง และเสียชีวิต และการสร้างภูมิคุ้มกันจากการได้รับวัคซีนเพื่อลดการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต ทั้งนี้ หากประชาชนในประเทศเกิดภูมิคุ้มกันจากทั้งสองวิธีได้ครอบคลุม 60-70% ของประชากร ร่วมกับทุกคนยังคงมาตรการป้องกันตนเองโดยการสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ก็จะทำให้โควิด-19 ไม่สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน และจะสลายตัวไปในที่สุด
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่าสำหรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ขณะนี้ ทั่วโลกมีวัคซีนที่ผ่านการทดสอบระยะที่ 3 แล้วจำนวน 20 บริษัท พบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันโรคได้และมีความปลอดภัย อย่างของสหรัฐอเมริกาที่ใช้เทคโนโลยี mRNA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ มีประสิทธิผลสูง 95% แต่มีรายงานว่าพบผลข้างเคียง ส่วนประเทศไทยได้เลือกวัคซีนจากสองบริษัทที่เป็นเทคโนโลยีที่คุ้นเคยมานาน คือบริษัท AstraZeneca ที่ใช้ไวรัสที่ไม่ก่อโรคในคนนำมาใส่พันธุกรรมที่สร้างโปรตีนทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะจดจำว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม สร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคนี้ เมื่อได้รับเชื้อโควิด-19 อีกครั้งมันก็จะจำได้และกำจัดออกจากร่างกาย เมื่อฉีดสองเข็มจะมีประสิทธิผลในการป้องกันโรค 90% และวัคซีนของบริษัท Sinovac ซึ่งใช้เทคโนโลยีนำเชื้อโควิด-19 มาทำให้อ่อนแรง ไม่ก่อให้เกิดโรค แต่จะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดภูมิคุ้มกันโรค มีประสิทธิภาพกว่า 50% ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เราใช้มานาน ใช้ในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเพียงพอที่เมื่อติดเชื้อจะช่วยให้อาการไม่รุนแรงและไม่เสียชีวิต ทำให้มั่นใจในเรื่องความปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพถึง 90%
“ขณะนี้ประชาชนบางส่วนกลัวจะเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน ขอให้มั่นใจว่าการเลือกวัคซีนสำหรับคนไทยนั้นยึดหลักความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่งควบคู่กับประสิทธิภาพในการป้องกันโรค จึงขอเชิญชวนให้มารับการฉีดวัคซีนเพื่อช่วยชาติ โดยเฉพาะในประชาชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายการฉีดครั้งนี้ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันในคนไทยมากที่สุด ร่วมกับการป้องกันตนเอง เชื้อโควิด-19 ก็จะหมดไปจากประเทศไทย” ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์