แค่วันเดียวชื่อของ ดีน เฮาเซน ปราการหลังดาวรุ่งจากทีมบอร์นมัธ ถูกเชื่อมโยงกับสโมสรใหญ่หลายแห่ง ที่ต่างต้องการจะคว้าตัวกองหลังดาวรุ่งทีมชาติสเปนมาร่วมทีมหลังจบฤดูกาลนี้
ในจำนวนนี้นำมาโดย 3 ทีมอย่าง เรอัล มาดริด, ลิเวอร์พูล และเชลซี ไม่นับอาร์เซนอลกับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ดที่จับตาดูสถานการณ์ด้วยเช่นกัน
ทำไมสโมสรยักษ์ใหญ่เหล่านี้ถึงอยากได้ตัวกองหลังอายุเพียงแค่ 19 ปี ที่ไม่นานมานี้ยังเป็นนักเตะที่ถูกมองข้ามอยู่เลย
เด็กคนนี้มีอะไรดี?
เด็กที่ถูกมองข้าม
ในตอนแรกที่ บอร์นมัธ คว้าตัวดีน เฮาเซน มาจากยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 12.8 ล้านปอนด์เมื่อช่วงฤดูร้อนปีกลาย ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่เนื้อหอมที่สุด
เพราะก่อนหน้านั้นยูเวนตุส ปล่อยตัวกองหลังวัย 19 ปีรายนี้ให้แก่โรมา ยืมใช้งานในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2023/24 เพราะไม่อยู่ในแผนการทำทีมมาก่อน
แต่ฟอร์มการเล่นของเฮาเซนในช่วงเวลานั้นถือว่าเข้าตา ได้โอกาสในการลงสนาม 13 นัดให้กับโรมา และหนึ่งในโมเมนต์ที่น่าจดจำคือการพาบอลแหวกขึ้นมาถึงหน้ากรอบเขตโทษด้วยตัวเองก่อนจะทำประตูได้ด้วยการยิงไกลอย่างสวยงาม
“เรามีความยินดีที่ได้ตัวผู้เล่นที่มีฝีเท้าในระดับสูงมาร่วมทีมในสัญญาระยะยาว” นีล เบลก ซีอีโอบอร์นมัธ กล่าวต้อนรับเฮาเซน หลังจากที่เซ็นสัญญากับทีมในระยะยาวถึง 6 ปี
“ดีน เป็นนักเตะที่มีศักยภาพที่น่าตื่นเต้นและเราทุกคนตื่นเต้นที่จะได้เห็นออกเดินทางของเขากับสโมสรของเรา”
โดยไม่มีใครรู้เลยว่าการเดินทางของเฮาเซน กับบอร์นมัธจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นกว่าที่คิด
Dean Huijsen. Just a chill guy. pic.twitter.com/pNSwiHRd8v
— Premier League (@premierleague) December 6, 2024
The Chill Guy
ดาวทุกดวงมีเวลาแจ้งเกิดของมันเอง
สำหรับเฮาเซน เวลาแจ้งเกิดของเขาเกิดขึ้นในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่บอร์นมัธไปเยือนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดฟอร์ด และสามารถขึ้นมาโขกพังประตูได้ในนาทีที่ 16 ของการแข่งขัน เมื่อเดือนธันวาคมปีกลาย
สิ่งที่ทำให้คนจดจำเขาไม่ใช่ประตู แต่เป็นลีลาการฉลองประตูด้วยท่าสุดไวรัลในช่วงเวลานั้นอย่างท่าของตัวละคร ‘The Chill Guy’ ซึ่งเป็นน้องหมาสุดหล่อยืนทำท่าสองมือล้วงกระเป๋ามองดูความเป็นไปของโลกอย่างชิลๆ
ถึงแม้ว่าจะมีผู้เล่นหลายคนที่ทำท่า ‘Just a chill guy’ ไม่ว่าจะเป็นทีมอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม รุ่นอายุต่ำกว่า 19 ปี, ลิวอิส คูมาส กองหน้าสโต๊ค ซิตี, ริคกี-เจด จอห์นสัน แห่งทีมปีเตอร์โบโรห์ ยูไนเต็ด และไคเรลล์ ลิสบี ที่ตีลังกายิงประตูให้ทีมเบรนทรี แต่คนที่ทุกคนจดจำได้มากที่สุดในการฉลองประตูนี้ท่านี้คือเฮาเซน เพราะบุคลิกหน้าตาใกล้เคียงกับตัวละครมากที่สุด
‘ชิลกาย’ จึงกลายสมญาของเฮาเซนที่เริ่มเป็นที่สนใจและน่าจับตามองนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เพียงแต่เด็กคนนี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่ท่าการฉลองประตู
ความชิลของเขาในการเล่นต่างหากที่ทำให้สโมสรใหญ่เริ่มต้องจับตามอง
เก่งเกินวัย เก่งเกินไป
ความจริงบอร์นมัธไม่ได้คาดหวังว่าจะใช้งานเฮาเซน ในฐานะผู้เล่นตัวหลักของทีมแต่อย่างใด
อย่างที่บอกเขามีประสบการณ์ในการเล่นไม่มากกับยูเวนตุสและโรมาในอิตาลี แต่เพราะการบาดเจ็บของ มาร์กอส เซเนซี กองหลังตัวหลักของทีมที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อด้านหลังโคนขาในช่วงเดือนพฤศจิกายนทำให้อันโดนี อิราโอลา บอสใหญ่ของทีมตัดสินใจที่จะส่งเขาลงสนาม
ปรากฏว่าเฮาเซน ยิ่งเล่นยิ่งเก่งและกลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่โดดเด่นที่สุดของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้
ผลงานของเขาดีขนาดที่จากเดิมบอร์นมัธ เสีย 19 ประตูจาก 13 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก กลายเป็นว่าเสียแค่ 21 ประตูจากการเล่น 20 นัดในลีก
ในช่วงระยะเวลานั้นมีเพียงแค่ 2 ทีมที่มีผลงานเกมรับที่ดีกว่า นั่นคืออาร์เซนอล (13 ประตู) และเอฟเวอร์ตัน (19 ประตู) ผลงานเกมรับของบอร์นมัธนับตั้งแต่ได้เฮาเซนลงตัวจริงยังเหนือกว่า ลิเวอร์พูล จ่าฝูงและว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยซ้ำไป
จุดเด่นของเด็กคนนี้คือความครบเครื่องต้มยำ
นอกจากรูปร่างที่สูงใหญ่แล้ว เฮาเซน มีความแข็งแกร่งมากแม้จะมีรูปร่างที่ดูเหมือนบอบบาง และในความสูงชะลูดนั้นก็กลับมีความเร็วที่เหลือเชื่อด้วย
นอกจากนี้ยังมีทักษะที่สำคัญอย่างมากสำหรับกองหลังคือการอ่านเกมที่ยอดเยี่ยม สามารถเข้าสกัดบอลได้ในจังหวะสำคัญตลอด
นอกจากนี้ยังเป็นกองหลังที่มีทักษะในการลำเลียงบอลขึ้นมาข้างหน้าได้ดี โดยไม่สร้างความหวาดเสียวให้เพื่อนร่วมทีม และหากโดนปิดทางลำเลียงก็สามารถสาดบอลยาวได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเราได้เห็นกันในเกมทีมชาติเมื่อเฮาเซนวางยาวให้ลามีน ยามาล ทำประตูได้ในเกมทีมชาติสเปน
โดยทั้งหมดนี้เขาทำโดยสีหน้านิ่งๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ชิลๆ
ว่าที่กองหลังที่เก่งที่สุดในโลก?
คุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้ทุกสโมสรใหญ่ต่างต้องการได้ตัวกองหลังดาวรุ่งรายนี้มาร่วมทีม
และตอนนี้ก็มีการเปิดศึกชิง ‘ชิลกาย’ กันแล้วด้วย เพราะเงื่อนไขในการได้ตัวมาไม่ยากจนเกินไป ค่าปล่อยตัวตามสัญญา (Release-clause) เพียงแค่ 50 ล้านปอนด์เท่านั้น
โดยทีมตัวเต็งตาม ‘ทิศทางข่าว’ คือเชลซี ซึ่งสำนักข่าวใหญ่อย่าง The Guardian ระบุว่าเป็นตัวเต็งที่จะคว้าตัวมาร่วมทีมได้ในช่วงปิดฤดูกาลนี้ โดยอาศัยความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างผู้บริหารของสโมสรกับตัวแทนเจรจาของเฮาเซน
เชลซี ยังมาพร้อมกับสัญญาระยะยาวถึง 7 ปีที่แน่นอนว่าให้ค่าตอบแทนคุ้มค่าแววดีอย่างแน่นอน และมาพร้อมกับโอกาสในการยึดตัวจริงแน่นอนทันที ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบทีมอื่น
แต่อีกสายก็ระบุว่าทีมว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างลิเวอร์พูลเองพร้อมเปิดศึกสู้ไม่ถอย โดยริชาร์ด ฮิวจ์ส ผู้อำนวยการของสโมสรซึ่งเคยนั่งแท่นตำแหน่งเดียวกันในทีมบอร์นมัธและเป็นคนมีส่วนในการดึงตัวเฮาเซน มาเล่นกับเดอะ เชอร์รี่ พร้อมสู้จนถึงที่สุด
เพราะมองว่านอกจากจะสามารถจับคู่เล่นกับเวอร์จีล ฟาน ไดค์ ได้ทันทีแล้ว ยังมีคุณสมบัติที่จะเป็นทายาทสายตรงของยักษ์ดัตช์ที่แม้จะต่อสัญญาใหม่อีก 2 ปีแล้วแต่ก็โรยราลงทุกวัน
อีกทั้งหลังจบฤดูกาลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงในแนวรับของลิเวอร์พูล เพราะสถานการณ์การเจรจาต่อสัญญาของอิบราฮิมา โคนาเต ยังไม่คืบหน้า ขณะที่โจ โกเมซ รวมถึงจาเรลล์ ควานซาห์ อาจพิจารณาย้ายออกจากทีม
โดยมีนิวคาสเซิล และอาร์เซนอลที่จับตามองอย่างใกล้ชิด ชนิดที่หากใคร ‘เผลอ’ ก็พร้อมเสียบ
แต่ถามว่าทีมไหนที่เฮาเซนอยากไปที่สุด? คำตอบคือ เรอัล มาดริด สโมสรในดวงใจ (เพราะไอดอลของเจ้าตัวคือ เซร์คิโอ รามอส!)
ปัญหาคือเรอัล มาดริด ไม่ต้องการจ่ายเงินค่าสัญญาของเด็กอายุ 19 ถึง 50 ล้านปอนด์ในตอนนี้ เพียงแต่หากเปลี่ยนใจขึ้นมากองหลังที่เกิดในเนเธอร์แลนด์แต่มาโตในสเปนก็พร้อมรับฟังเช่นกัน
อ่านสถานการณ์แล้วเชื่อว่าการไล่ล่าตัวเฮาเซน น่าจะฝุ่นตลบอย่างแน่นอน ซึ่งปัจจัยที่จะมีผลต่อการตัดสินใจไม่ใช่แค่เรื่องค่าเหนื่อย ระยะเวลาในสัญญาอย่างเดียว แต่รวมถึงโอกาสในการลงเล่นต่อเนื่องซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆ รวมถึงโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ และได้เล่นในรายการระดับสูงสุดอย่างแชมเปียนส์ลีกด้วย
ส่วนสุดท้ายใครจะได้เฮาเซนไปนั้น เชื่อว่าไม่น่าจะต้องรอลุ้นกันนานเป็นมหากาพย์
ก่อนจบฤดูกาลนี้น่าจะมีคำตอบแน่นอน
อ้างอิง: