×

ให้รักพิพากษา กับความเป็นมนุษย์มนาของชาวออฟฟิศ 2021

30.07.2021
  • LOADING...
ให้รักพิพากษา

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • ส่วนที่ต้องชมก็คือถึงจะมีเรื่องราวอิจฉาริษยาระหว่างคนทำงานด้วยกัน แต่ก็ไม่ใส่ฉากดราม่ากลั่นแกล้งกันเวอร์วังแบบแอบเอาตะปูไปใส่ในรองเท้า หรือถ่มน้ำลายใส่แก้วกาแฟ ให้คนดูรู้สึกว่าทำงานมาตั้งหลายปีเรื่องแบบนี้ไม่เคยเจอ


  • ผู้เขียนชอบตัวละครคามี่ที่เหมือนจะถูกวางตัวให้เป็นนางร้าย แต่ก็ไม่ถึงกับร้ายเสียทีเดียว เพราะไม่ผิดเลยที่เธอจะเอาจริงเอาจัง ทะเยอทะยาน มุมานะ จนทำให้ดูแข็งกระด้างขาดเสน่ห์ แต่ลึกๆ ข้างในเธอก็คือคนธรรมดาที่ต้องการความรัก ต้องการเพื่อน และยังมีด้านดีที่เป็นคนแฟร์ๆ แม้จะอยู่ในการแข่งขันแต่ก็ไม่เคยเล่นนอกกติกา ซึ่งก็น่าจะเหมือนชีวิตการทำงานของหลายๆ คน 

 

  • หน้าที่ของละครนอกจากให้ความบันเทิง ยังเป็นภาพสะท้อนชีวิตของผู้คนในสังคม ผู้เขียนรู้สึกดีที่มีละครที่พูดถึงชีวิตคนในวัยทำงานจริงๆ จุดนี้ทำให้เรารู้สึกอินได้มากกว่าเรื่องของทายาทมหาเศรษฐีพลัดพรากจากครอบครัวเป็นไหนๆ 

ถึงจะเป็นก้าวเล็กๆ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ก้าวไปไหนเลย สำหรับละครไทยในระยะหลังๆ ที่กล้าแตะเรื่อง ‘อาชีพ’ ของตัวละคร เพราะก่อนหน้านี้อาชีพหลักของตัวละครไทยหนีไม่พ้น ทหาร ตำรวจ หรือไม่ก็เป็นนักธุรกิจอิหยังวะ ที่ดูละครจนจบเรื่องแล้วยังไม่รู้เลยว่าทำธุรกิจอะไร ผู้เขียนเองเคยสัมภาษณ์ผู้จัดท่านหนึ่งเธอเล่าว่า เมืองไทยเซนสิทีฟกับเรื่องนี้มาก ถ้าพูดถึงอาชีพใดๆ ในแง่ลบ สมาคมวิชาชีพนั้นๆ ก็มักจะออกมาโวยวาย ตีโพยตีพาย ทั้งๆ ที่ทุกอาชีพมีทั้งคนดีคนเลวปะปนกัน ทางผู้ผลิตเลยตัดไฟเสียแต่ต้นลมให้เป็นนักธุรกิจไปนั่นแหละ เพราะมันกว้างดี 

 

จากความสำเร็จของละคร หลงกลิ่นจันทน์ เป็นบทพิสูจน์ว่าการเจาะลึกเรื่องอาชีพก็ทำให้ละครสนุกได้ และคนดูยุคใหม่รู้จักแยกแยะว่าอันไหนเรื่องจริงอันไหนคือละคร หรืออย่างละคร แค้นรักสลับชะตา มีการพูดถึงคุณหมอที่ผิดจรรยาบรรณเพื่อชำระแค้นของตัวเอง ก็ไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกแย่กับอาชีพหมอเลย ส่วน ให้รักพิพากษา คือละครเรื่องล่าสุดที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอาชีพทนายตีคู่ไปกับเรื่องรักต่างวัยแสนโรแมนติกได้อย่างลงตัว

ให้รักพิพากษา ว่าด้วยเรื่องของทิชา (เบลล่าราณี แคมเปน) ทนายสาวโสดไฟแรง ที่กำลังแข่งขันกับคามิเลียหรือคามี่ (พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช) เพื่อเป็นหุ้นส่วนหญิงคนแรกของรอสแอนด์ฮาร์วี่ย์ บริษัทกฎหมายข้ามชาติชื่อดัง ในจังหวะนั้นเองก็มีเรื่องรักเข้ามากวนหัวใจ เมื่อบอสเบน (อู๋-ธนากร โปษยานนท์) เจ้านายที่ทำงานด้วยกันมาหลายปีเริ่มหันมาจีบเธอ พร้อมกับการเข้ามาของคิว (กองทัพ พีค) หนุ่มรุ่นน้องที่มีทิชาเป็นแรงบันดาลใจให้อยากเป็นทนาย ก็เข้ามาปั่นป่วนให้เธอต้องเลือกระหว่างหนุ่มใหญ่สมบูรณ์แบบ กับเด็กที่เคยผูกพันเมื่อวานซืนเธอจะเลือกใคร

 

ให้รักพิพากษา

ทิชา (เบลล่า-ราณี แคมเปน) ทนายสาวโสดไฟแรง และ คิว (กองทัพ พีค) หนุ่มรุ่นน้อง 

 

ถึงจะเป็นละครรัก แต่ด้วยเนื้อหาที่ว่าด้วยการแข่งขันเรื่องหน้าที่การงาน เรื่องราวส่วนใหญ่จึงเกิดขึ้นในออฟฟิศรอสแอนด์ฮาร์วี่ย์ ทางผู้ผลิตเลยจำลองชีวิตชาวออฟฟิศแบบเหมือนจริง กับปัญหาน่ารำคาญใจของคนวัยทำงาน ทั้งการสั่งกาแฟแล้วคนชงตั้งใจเขียนชื่อผิด การเรียกแท็กซี่กี่ทีก็ไม่รับ รวมไปถึงเพื่อนร่วมงานบุคลิกแปลก ที่พบเจอได้ในแทบทุกออฟฟิศ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานอาวุโสขี้อวดและกร่างไปทั่ว เลขาสาวใหญ่เจ้ากรมข่าวลือประจำออฟฟิศ หรือน้องฝึกงานฤทธิ์แรงผู้มาพร้อมเสน่ห์อันร้ายกาจ ฯลฯ 

 

ให้รักพิพากษา

ให้รักพิพากษา

 

ส่วนที่ต้องชมก็คือถึงจะมีเรื่องราวอิจฉาริษยาระหว่างคนทำงานด้วยกัน แต่ก็ไม่ใส่ฉากดราม่ากลั่นแกล้งกันเวอร์วังแบบแอบเอาตะปูไปใส่ในรองเท้า หรือถ่มน้ำลายใส่แก้วกาแฟ ให้คนดูรู้สึกว่าทำงานมาตั้งหลายปีเรื่องแบบนี้ไม่เคยเจอ ผู้เขียนชอบตัวละครคามี่ที่เหมือนจะถูกวางตัวให้เป็นนางร้าย แต่ก็ไม่ถึงกับร้ายเสียทีเดียว เพราะไม่ผิดเลยที่เธอจะเอาจริงเอาจัง ทะเยอทะยาน มุมานะ จนทำให้ดูแข็งกระด้างขาดเสน่ห์ แต่ลึกๆ ข้างในเธอก็คือคนธรรมดาที่ต้องการความรัก ต้องการเพื่อน และยังมีด้านดีที่เป็นคนแฟร์ๆ แม้จะอยู่ในการแข่งขันแต่ก็ไม่เคยเล่นนอกกติกา ซึ่งก็น่าจะเหมือนชีวิตการทำงานของหลายๆ คน ที่แม้จะเป็นนางร้ายในสายตาใคร แต่เราขอเป็นนางเอกในชีวิตตัวเอง เอาเข้าจริงถ้ามีภาคแยกแล้วเล่าเรื่องราวในมุมของคามี่บ้าง เธอก็เป็นนางเอกในเรื่องราวของเธอได้สบายๆ  

 

ให้รักพิพากษา

 

อีกตัวละครที่ชอบก็คือบอสเบนที่วางคาแรกเตอร์ออกมาได้กลม คือเป็นเจ้านายที่เพอร์เฟกต์ดูเหมือนใจดี รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาแต่ก็จริงจังกับงาน ในขณะเดียวกันก็ยังมีข้อบกพร่องตามประสามนุษย์ทั่วไปในแง่ชีวิตครอบครัว เนื่องจากใช้เวลาทุ่มเทไปกับงาน ในเรื่องบอสเบนเป็นผู้ชายอายุมากที่ยังดูดี พอได้ อู๋ ธนากร มาแสดง ยิ่งดูอบอุ่น มีเสน่ห์ เป็นผู้ชายวัยซิลเวอร์ฟ็อกซ์แบบแดดดี้ ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนในเรื่องของกฎหมายและชีวิตทนาย ละครเรื่องนี้ก็มีที่ปรึกษาเป็นทนายชื่อดัง จึงค่อนข้างทำออกมาได้ใกล้เคียงกับความจริง พร้อมกับให้ความรู้เรื่องกฎหมายสอดแทรกไว้ในซีนต่างๆ ของเรื่อง แม้จะพูดไม่เข้าปากบ้าง ดูเวอร์ไปบ้างตามประสาละครคอเมดี้ ก็เป็นอะไรที่รับได้และสนุกดีด้วย 

 

ให้รักพิพากษา

ให้รักพิพากษา

บอสเบน (อู๋-ธนากร โปษยานนท์) และคามิเลีย หรือคามี่ (พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช)

 

ผู้เขียนชอบคดีฟ้องหย่าของไฮโซเอมี่ (ท็อป-ดารณีนุช โพธิปิติ) ที่เหมือนจะแพ้ทุกประตู และคิดว่าคนเขียนบทคงสร้างพยานเซอร์ไพรส์มาช่วยแก้สถานการณ์ แต่สุดท้ายเรื่องราวก็สร้างหลักฐานมาขัดง้างจนชนะคดีได้อย่างมีเหตุมีผล ไม่ได้ค้านสายตาแบบละครโอลด์สคูลชอบทำกัน  

 

ให้รักพิพากษา เป็นผลงานของค่ายชลลัมพี โปรดั๊กชั่น โดย ต้น-ณฐนนท์ ชลลัมพี

ในช่วงเดียวกันนี้เอง รัก นิรันดร์ จันทรา จากค่ายชลลัมพี บราเธอร์ โดย ต้อง-จุลวุฒิ ชลลัมพี ก็ออกอากาศในช่วงเดียวกัน ซึ่งดูเหมือนแนวทางของผู้จัดสองพี่น้องจะต่างกันสิ้นเชิง เพราะ รัก นิรันดร์ จันทรา มาในรูปแบบละครโอล์ดสคูล ส่วน ให้รักพิพากษา คือการเล่าเรื่องแนวใหม่สำหรับคนดูละครรุ่นใหม่ จึงทำงานได้ดีในแพลตฟอร์มออนไลน์ มียอดผู้ชมแตะหลักล้านตั้งแต่อีพีแรก ส่วนเรตติ้งยังอยู่ที่ระดับ 3 นิดๆ 

 

ให้รักพิพากษา

นี่อาจแสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ก็ดูละครอยู่หรอก เพียงแต่ไม่ดูผ่านทีวีเท่านั้นเอง

หน้าที่ของละครนอกจากให้ความบันเทิง ยังเป็นภาพสะท้อนชีวิตของผู้คนในสังคม ผู้เขียนรู้สึกดีที่มีละครที่พูดถึงชีวิตคนในวัยทำงานจริงๆ จุดนี้ทำให้เรารู้สึกอินได้มากกว่าเรื่องของทายาทมหาเศรษฐีพลัดพรากจากครอบครัวเป็นไหนๆ และอยากให้มีละครไทยที่เจาะลึกในเรื่องอาชีพให้มากกว่านี้ เพราะเชื่อว่านอกจากจะได้ความรู้ ยังสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้รู้ว่า โตขึ้นเขาอยากจะมีอาชีพอะไรได้เหมือนกัน

 

 

ภาพ: จากละครเรื่อง ให้รักพิพากษา

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising