×

อะไรทำให้ ‘G-Dragon’ เป็นอัจฉริยะทางดนตรีและผู้ทรงอิทธิพลด้านเเฟชั่นของโลก

12.06.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

8 Mins. Read
  • ควอนจียงเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 6 ขวบ กับผลงานการเป็นสมาชิกกลุ่ม Little Roo’Ra แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ และได้รับโอกาสเซ็นสัญญาเป็นศิลปินฝึกหัดของค่าย SM Entertainment ในช่วงอายุ 8 ขวบ
  • เมื่ออายุครบ 13 ปี จียงตัดสินใจออกจากค่าย SM เพื่อเสาะหาแนวทางและความถนัดของตัวเอง ก่อนได้รับการเซ็นสัญญาเป็นศิลปินกับค่าย YG Entertainment หลังปล่อยผลงานเพลงเเรป ‘My Age is 13’ ออกมาในปี 2001 จนต่อมาเริ่มโด่งดังและเป็นที่รู้จักในชื่อ ‘จีดรากอน’ หัวหน้าวงบอยเเบนด์ Bigbang
  • ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในศิลปินที่มีความสามารถรอบด้าน ทั้งการร้อง เต้น และการเเต่งเพลง นอกจากนี้ยังมีความหลงใหลด้านแฟชั่นจนถูกขนานนามว่าเป็นแฟชั่นนิสต้าผู้ทรงอิทธิพลอีกด้วย

     หลังปล่อยผลงานอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 3 ของตัวเองเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ‘ควอนจียง’ (Kwon Ji-yong) หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ ‘จีดรากอน’ ก็ประสบความสำเร็จแทบจะทันทีทันใด

 

 

     อัลบั้มที่ตั้งตามชื่อสกุลของเขา Kwon Ji Yong สามารถสร้างปรากฏการณ์แบบ All Kill กวาดเรียบอันดับ 1 ชาร์ตเพลงประเทศเกาหลีใต้ได้ทันทีทุกชาร์ต! (iChart) และยังขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตเพลง iTunes ในกว่า 39 ประเทศภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง

 

Photo: instiz & allkpop

   

     นอกจากนี้ เจ้าตัวยังเตรียมจัดคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์แบบฉายเดี่ยวครั้งที่ 2 ‘Act III, M.O.T.T.E’ ในกว่า 24 แห่งทั่วโลก รวมถึงที่ประเทศไทย ในวันที่ 7-8 กรกฎาคมนี้ ณ อิมเเพค อารีน่า เมืองทองธานี อีกด้วย  

     แต่กว่าที่จีดรากอนจะโลดเเล่นบนเส้นทางดนตรีสายเคป๊อปได้โดดเด่นยาวนานเกินกว่าครึ่งค่อนชีวิต เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง และอะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้เจ้าตัวประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้

 

ความมุมานะที่หล่อหลอม ‘เด็กชายตัวน้อยๆ’ สู่ ‘หัวหน้าวงและผู้ทรงอิทธิพลทางดนตรี’

    ก่อนจะมาเป็นศิลปินผู้ทรงอิทธิพลจากเกาหลีใต้อย่างที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ เรื่องราวการต่อสู้และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของควอนจียง น่าจะผลิตเป็นซีรีส์ออกอากาศได้หลายซีซันเลยทีเดียว!

    แม้จะอายุได้เพียงแค่ 6 ขวบ แต่ความสามารถและพรสวรรค์ด้านการเต้นของเด็กชายจียงก็ฉายเเววเจิดจรัสเกินหน้าเกินตาเด็กในช่วงวัยเดียวกันไปมากโข เพราะสามารถสอดแทรกเข้าสู่วงการบันเทิงในฐานะสมาชิก Little Roo’Ra กลุ่มศิลปินเด็กที่ได้แรงบันดาลใจจากเกิร์ลกรุ๊ปหญิงยุค 90s อย่าง Roo’Ra

 

เด็กผู้ชายสวมหมวกไหมพรมทรงบีนนี่

   

     เมื่อไม่นานมานี้ อีซางมิน อดีตสมาชิกวง Roo’Ra ยังให้สัมภาษณ์ย้อนความหลังถึงจียงในวัยเด็กไว้ว่า “ช่วงนั้นเขาเป็นเด็กน้อยที่เต้นเก่งมากๆ มีศักยภาพที่พร้อมจะพัฒนาได้อีกเยอะ แม้จะอายุแค่ 6 ขวบ แต่ก็เต้นแบบ Roo’Ra ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยกับเด็กในช่วงวัยเดียวกัน”

     แต่ดูเหมือนฟ้าจะเล่นตลกหลอกให้หนูน้อยจียงหลงดีใจอยู่ได้ไม่นาน เมื่อ Little Roo’Ra มีอันต้องยุบวง เพราะไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร จนเจ้าตัวผิดหวังถึงขั้นที่พูดกับแม่ว่า “ไม่อยากเป็นศิลปินอีกต่อไป” แต่นั่งเศร้าอยู่ได้ไม่นาน เพราะเมื่ออายุ 8 ขวบ เขาก็มีโอกาสเซ็นสัญญาเป็นเด็กฝึกในสังกัดค่ายเพลง SM Entertainment หลังแมวมองบังเอิญไปพบความสามารถบนเวทีแข่งเต้น ณ สกีรีสอร์ตแห่งหนึ่ง

     ทุกอย่างดูกำลังจะไปได้สวย แต่เจ้าตัวกลับรู้สึกว่าไม่ได้เอาจริงเอาจังกับความฝันสักเท่าไร รวมถึงยังสับสนว่าควรเอาดีด้านการร้องหรือเต้นกันแน่ เมื่ออายุได้ 13 ปี (ครบสัญญา 5 ปี) เขาจึงเลือกหันหลังให้กับ SM เพื่อค้นหาตัวเองต่อไป

     เขาให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า “ตอนนั้นผมไม่ได้ซ้อมเป็นประจำทุกวัน บางครั้งก็ซ้อม 1 ครั้งต่อเดือน หรือทุกๆ 3 เดือน ผมทำได้ดีกับการเต้น แต่ร้องเพลงไม่ได้มากเท่าไร ซึ่งทางฝั่ง SM เองก็คงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับผมดี ผมพนันว่าคนที่ SM ส่วนใหญ่น่าจะจำผมไม่ได้ด้วยซ้ำ”

     ก่อนจะมาค้นพบเพลงฮิปฮอป ‘C.R.E.A.M.’ โดยกลุ่มศิลปินจากสหรัฐฯ ‘Wu-Tang Clan’ ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจและอิทธิพลทางดนตรีให้จียงอยากเป็นแรปเปอร์ โดยเริ่มต้นจากการไปเรียนแรปที่ People Crew’s ก่อนมีโอกาสออกผลงานเพลงที่เขียนเนื้อร้องด้วยตัวเอง ‘My Age is 13’ ในอัลบั้มรวมผลงานของศิลปินฮิปฮอปเกาหลีใต้ ‘Hip-Hop Flex 2001’

 

 

     ความพยายามในครั้งที่ 3 ของจียงกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต เมื่อหนังสือพิมพ์ในเกาหลีลงข่าวว่าเจ้าตัวเป็น ‘แรปเปอร์ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศ’ จนทำให้มีโอกาสได้เซ็นสัญญากับ YG Entertainment ค่ายเพลงต้นสังกัดของเขาในปัจจุบัน

     หลังฝึกหนักอยู่หลายปี YG ก็เตรียมปล่อยโปรเจกต์ศิลปินดูโอฮิปฮอปลูกหม้อของค่าย ‘GDYB’ ระหว่างจียง ที่เปลี่ยนมาใช้ชื่อในวงการว่า ‘จีดรากอน’ (G-Dragon: ยง ในภาษาเกาหลีหมายความว่ามังกร) และทงยองเบ (Dong Young-bae) หรือ ‘แทยัง’ แต่โปรเจกต์ดังกล่าวก็มีอันต้องถูกพับเก็บไว้ เนื่องจาก YG ตั้งใจจะเปิดตัวบอยเเบนด์โดยมีทั้งสองคนเป็นสมาชิกยืนพื้นแทน

     ครั้งหนึ่งจีดรากอนเคยให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าวสารวงการฮิปฮอป xxlmag ถึงความรู้สึกที่จะต้องเปลี่ยนจากการออกผลงานแบบดูโอมาเป็นบอยเเบนด์ไว้ว่า “ตอนแรกผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมกับแทยังเป็นศิลปินฝึกหัดของ YG มาหลายปี และคิดว่าจะได้ออกผลงานในฐานะดูโอฮิปฮอปอยู่แล้ว แต่สุดท้ายค่ายก็เปลี่ยนใจเพิ่มสมาชิกอีก 3 คนเพื่อเปิดตัวพวกเราในนามกลุ่มศิลปินไอดอลแทน ผมไม่ได้ชอบแนวคิดนี้มากนักหรอก ออกจะเกลียดเสียด้วยซ้ำ เราไม่รู้เลยว่าควรจะทำยังไง ได้แต่ซ้อมเต้นทุกๆ วัน ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ YG ก็ไม่ได้เคร่งกับแนวทางบอยแบนด์แบบบับเบิลกัมป๊อปมากนัก พวกเราเริ่มต้นจากพื้นฐานของความเป็นบอยแบนด์ฮิปฮอป จนทำให้ผมเชื่อในแนวทางของพวกเขา ที่สุดแล้วผลลัพธ์มันออกมาดี และทำให้ผมพอใจมากในทุกวันนี้”

     ปี 2006 โลกก็มีโอกาสได้รู้จักกับบอยแบนด์กลุ่ม ‘Bigbang’ ที่มีสมาชิกประกอบไปด้วย จีดรากอน (หัวหน้าวง), แทยัง, ท็อป, เเดซอง และซึงรี โดยตลอดระยะเวลากว่า 11 ปีที่ผ่านมา จีดรากอนและสมาชิกคนอื่นๆ ภายในวงถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของวงการเคป๊อปที่ประสบความสำเร็จเบอร์ต้นๆ เลยก็ว่าได้

     ล่าสุดในปี 2016 ที่ผ่านมานิตยสาร Forbes ยังเปิดเผยอีกด้วยว่า พวกเขาเป็นศิลปินที่มีรายได้ตลอดทั้งปีอยู่ที่ 44 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,580,040,000 บาท) แซงหน้าเซอร์เอลตัน จอห์น (42 ล้านเหรียญสหรัฐ), เคที เพอร์รี (41 ล้านเหรียญสหรัฐ) และเดรก (38.5 ล้านเหรียญสหรัฐ)

     ขณะที่จีดรากอนเองก็กลายมาเป็นแรงบันดาลใจและต้นแบบให้กับศิลปินรุ่นใหม่อีกหลายๆ คน เช่น ดาโกตา แฟนนิง, รุ่นน้องในสังกัด YG หรือแบมแบม Got7 ศิลปินไทยที่โด่งดังในเกาหลี

     ทั้งยังได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิงอยู่หลายครั้งหลายครา อาทิ ในปี 2016 กับรางวัล Pop Culture & Arts ที่มอบโดยรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ หรือรางวัลบุคคลทรงอิทธิพลในแวดวงกีฬาและบันเทิงที่อายุน้อยกว่า 30 ปีจาก Forbes Asia

     สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่พิสูจน์ให้เห็นว่าพรสวรรค์ ความพยายาม และการตรากตรำเป็นสิ่งที่ควอนจียงยึดถือไว้ไม่ห่างจากกาย และทำให้เขาประสบความสำเร็จดังเช่นปัจจุบัน

 

พิสูจน์ตัวเอง เผชิญปัญหา และรับมือกับมัน

     การอยู่ในวงการบันเทิง แม้จะเพียบพร้อมไปด้วยชื่อเสียง ความนิยม และรายได้ แต่ในทางกลับกัน ศิลปินหลายๆ รายก็ต้องยอมแลกสิ่งเหล่านั้นกับความเป็นส่วนตัว การถูกจับตาเป็นพิเศษ รวมถึงการต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนและแฟนคลับ

     ครั้งหนึ่งผลงานของจีดรากอนเองก็เคยตกเป็นประเด็นถกเถียงในสังคม หลังเพลง Heartbreaker ผลงานเดี่ยวครั้งแรกในอัลบั้ม Heartbreaker ที่ปล่อยออกมาในปี 2009 ถูกกล่าวหาว่ามีความคล้ายคลึงกับเพลง Right Round ของ Flo Rida กระทั่งค่ายเพลงต้นสังกัดของ Flo อย่าง ‘EMI’ (Electric and Musical Industries) เป็นฝ่ายออกโรงปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว ก่อนที่ในปีถัดมา จีดรากอนจะได้ร่วมงานกับแรปเปอร์ผิวสีจากฝั่งอเมริกาในเพลง Heartbreaker

 

 

     ขณะที่คอนเสิร์ตเดี่ยวของเจ้าตัวอย่าง ‘Shine a Light’ ที่จัดขึ้นในปี 2009 ยังถูกกล่าวหาว่ามีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชน กระทั่งถูกกระทรวงสาธารณสุขประเทศเกาหลีใต้เข้ามาตรวจสอบ โดย 1 ปีให้หลัง เขาถูกตัดสินว่าไร้ความผิด เนื่องจากกรณีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นจากระยะเวลาของโชว์ทั้งหมดกว่า 2 ชั่วโมง

     นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลา 11 ปีหลังเดบิวต์อย่างเป็นทางการในฐานะสมาชิกและหัวหน้าวง​ Bigbang เจ้าตัวยังต้องเผชิญกับการถูกตั้งข้อกล่าวหาในสังคมกับประเด็นเรื่องเพลงหรือเรื่องอื่นๆ อีกประปราย แต่จีดรากอนก็เลือกก้มหน้าก้มตาสร้างสรรค์ผลงาน และเผชิญกับปัญหาต่างๆ ด้วยความบริสุทธิ์ใจมาโดยตลอด

 

 

ความสามารถและพรสวรรค์หลากหลายที่ขับเคลื่อนด้วยการฝึกฝนอย่างหนัก

     อย่างที่ได้ทราบกันว่าจีดรากอนเข้าวงการบันเทิงมาด้วยความสามารถทั้งด้านการเต้น การร้อง และการแรป

แต่ในขณะเดียวกัน ทักษะการเขียนเนื้อร้องและการเเต่งเพลงของเจ้าตัวก็ได้รับการกล่าวขวัญเชิดชูอยู่ไม่น้อย ดังจะสังเกตได้จากการเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับวง Bigbang ตั้งแต่อัลบั้มแรก หรืออัลบั้มเดี่ยวของตัวเอง รวมทั้งยังมีโอกาสไปแจมสร้างสรรค์ผลงานให้กับเพื่อนๆ อยู่เป็นประจำ

     หากมองให้ลึกกว่าเบื้องหลังความสามารถอันเอกอุดังกล่าว เราคงต้องยกความดีความชอบส่วนหนึ่งให้กับระบบนิเวศและการสนับสนุนที่ดีโดยสังกัด YG  เพราะนอกจากจะฝึกให้เด็กๆ ในค่ายเป็นศิลปินที่มีความสามารถในการร้องและเต้นที่ยอดเยี่ยม พวกเขายังวางรากฐานให้ศิลปินฝึกหัดในค่ายทุกคนมีศักยภาพที่จะเติบโตเป็น ‘คนดนตรี’ ได้อย่างภาคภูมิ

     ครั้งหนึ่งจีดรากอนเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ตั้งแต่สมัยที่ผมยังเด็ก ผมจะได้รับโจทย์จาก YG ให้เขียนเพลงอยู่เสมอ ตอนเรียนมัธยม ผมจะต้องเขียนให้ได้ 1 เพลงต่อสัปดาห์ทั้งเนื้อร้องและทำนอง ผมทำแบบนี้มาเป็นปี กระทั่งได้รับโจทย์ใหม่ที่ต้องเขียนเพลงให้ได้ทุกๆ 3 วัน 2 วัน และ 1 วัน ผมฝึกแบบนี้มาเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็กลายเป็นเรื่องง่ายและเป็นงานอดิเรกของผม”

     ทักษะการประพันธ์เพลงนี้เองที่จีดรากอนเชื่อว่าเป็นเครื่องมือหาเลี้ยงชีพที่สำคัญ ทำให้ศิลปินสามารถถ่ายทอดอารมณ์เพลงได้อย่างสมบูรณ์แบบ และทำให้เขามีทุกวันนี้ได้

 

 

แฟชั่นไอคอนแถวหน้าของเอเชีย ผู้เปลี่ยนความหลงใหลให้เป็นธุรกิจ

     นอกเหนือจากเสียงเพลงและตัวโน้ต สิ่งที่จีดรากอนหลงใหลไม่แพ้กันคือ ‘แฟชั่น’ พิสูจน์ได้จากสไตล์การแต่งตัวที่ล้ำนำเทรนด์อยู่เสมอ แม้แต่ ‘ทรงผม’ ที่ออกอัลบั้ม ปล่อยซิงเกิลใหม่ หรือโชว์สดคราใด เป็นต้องเห็นเจ้าตัวเปลี่ยนผมทรงใหม่ สีใหม่อยู่ตลอด

     ครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Dazed ไว้ว่า แรงบันดาลใจด้านแฟชั่นในทุกวันนี้ส่วนหนึ่งได้รับมาจากคุณแม่ เนื่องจากในช่วงที่เข้าวงการมาตั้งแต่ 6 ขวบ เขาไม่มีผู้จัดการส่วนตัว สไตลิสต์ หรือบริษัทต้นสังกัด บ่อยครั้งที่เครื่องแต่งกายที่สวมใส่ยามออกงานเป็นเสื้อผ้าที่คุณแม่เลือกซื้อให้ ซึ่งจีดรากอนมองว่าเป็นสไตล์การแต่งตัวที่ทันสมัยไม่น้อย

     หากยังจำกันได้ ในงาน MAMA Awards เมื่อปี 2013 ทรงผมของเขายังถูกทำเป็นมีมว่ามีลักษณะคล้าย ‘ซูชิหน้าไข่หวาน’ ซึ่งจีดรากอนก็บอกว่า “มีบางครั้งที่ผมก็รู้สึกเขินอายกับลุคของตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่อย่ากลัวไปเลย เพราะในโลกแฟชั่นมันไม่มีอะไรถูกหรือผิดหรอก”

     ขณะที่ครั้งหนึ่งเจ้าตัวยังเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Complex อย่างแยบคายไว้ว่า “ผมก็เหมือนกับคนอื่นๆ นั่นแหละ ชอบเสื้อผ้าและสนุกกับการได้แต่งตัว พวกเราอาจจะมีตัวเลือกในการแต่งกายที่ต่างกัน บางคนอาจจะไม่ชอบสไตล์การแต่งตัวของอีกคน แต่การจะไปตัดสินว่าคนอื่นแต่งตัวเห่ย ผมว่าคุณควรจะไปส่องกระจกและเอาเวลาไปพัฒนาตัวเองจะดีกว่า”

     ความเป็นผู้นำด้านแฟชั่นของจีดรากอนยังส่งผลให้เจ้าตัวได้รับเชิญเป็นแขกที่ฟรอนต์โรว์ ณ งานแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง รวมถึงได้รับการจัดอันดับและมอบรางวัลจากสื่อแฟชั่นมาเสมอ เช่น ในปี 2015 ที่เว็บไซต์แฟชั่น Hypebeast จัดให้เขาอยู่ใน 100 อันดับผู้ทรงอิทธิพลและผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม ,The Business of Fashion ที่ยกให้เขาเป็น 1 ใน 500 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่นโลกเมื่อปี 2015 และ 2016 ฯลฯ

     นอกจากนี้ก็ยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับดีไซเนอร์ชื่อดังอยู่หลายครั้ง เช่น ในปี 2015 ที่ได้ร่วมออกแบบรองเท้ากับ ‘Giuseppe Zanotti’ ดีไซเนอร์ชาวอิตาลี  

     หรือในปี 2016 จีดรากอนมีโอกาสได้ทำแบรนด์ของตัวเองในชื่อ ‘Peaceminusone’ ที่เน้นขายสินค้าจำพวกเสื้อผ้า หมวก และเครื่องประดับผ่านช่องทางออนไลน์ โดยล่าสุดยังบุกตลาดยุโรปด้วยการเปิดหน้าร้านที่ Dover Street Market ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรอีกด้วย

     ในอนาคตอันใกล้นี้ จีดรากอนมีแผนจะเข้ารับใช้ชาติผ่านการเกณฑ์ทหาร ซึ่งอาจจะทำให้เขาห่างหายจากวงการบันเทิงไปสักระยะ โดยเขาได้เคยให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ News Room ของช่อง JTBC ไว้ว่า “ผมตอบไม่ได้จริงๆ ว่าในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าผมจะเห็นตัวเองเป็นอย่างไร ผมมักจะทำหน้าที่ของตัวเองและซ้อมให้หนักอยู่เสมอ เพื่อที่พรุ่งนี้ผมจะได้เป็นคนที่ดีกว่าวันวาน ผมคิดแค่การฝึกซ้อมให้หนักในปัจจุบัน ส่วนอีก 5-10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร มันคงเป็นเรื่องที่ไกลเกินไป”

     อีก 5 ปีหรือ 10 ปีต่อจากนี้ ไม่ว่าคุณจะจดจำเขาในชื่อควอนจียง หรือจีดรากอน และไม่ว่าคุณจะจำเขาได้ในฐานะนักร้อง หัวหน้าวงบอยแบนด์ โปรดิวเซอร์มากความสามารถ ผู้นำเทรนด์แฟชั่น หรือเด็กตัวน้อยๆ ที่เต้นเพลงของ Roo’Ra

     แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถเรียนรู้จากเขาได้เสมอคือความมุมานะและการพยายามฝึกฝนพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ที่น่าจะเป็นต้นแบบให้ใครหลายคนนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม่ยาก

    มันคงไม่ใช่คำเยินยอที่ไกลเกินจริงแต่อย่างใด หากเราจะบอกว่าเกาหลีใต้ก็มี ‘มังกรเเห่งวงการเพลง’ เป็นของตัวเอง!

   

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising