เมื่อปีที่แล้ว 5 หนุ่มวง DVICIO ที่แจ้งเกิดจากคลิปร้องเพลงบนรถจนทำให้สาวๆ ตื่นเต้นกันอยู่พักใหญ่ ได้เก็บกระเป๋าบินตรงจากสเปนมาเปิดคอนเสิร์ตที่เมืองไทย และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น จนต้องกลับมาเปิดคอนเสิร์ตอีกครั้งพร้อมอัลบั้มใหม่ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา และยังมีแผนถ่ายมิวสิกวิดีโอที่เมืองไทยในเร็วๆ นี้
เหมือนว่าพวกเขาจะติดใจเมืองไทยอยู่ไม่น้อย วันนี้ The Standard เลยพักเรื่องเพลงและความน่ารักของพวกเขา มาชวนคุยถึงความทรงจำหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในเมืองไทย
หลังจากคอนเสิร์ตที่เมืองไทยปีที่แล้ว พวกคุณคิดถึงอะไรเกี่ยวกับเมืองไทยที่สุด
นาโช่: พอจบคอนเสิร์ต พวกเราชอบเปิดดูคลิปคอนเสิร์ตที่เมืองไทยมาก แฟนเพลงที่นี่ต้อนรับเราดีมาก คือประเทศอื่นก็ดีเหมือนกัน แต่ที่เมืองไทยพิเศษมาก โดยเฉพาะตอนที่เขาให้เราหันไปดูหน้าจอด้านหลัง แล้วพอหันกลับมา แฟนเพลงทุกคนชูป้ายที่เขียนว่า ‘Te a mamos DVICIO’ (พวกเรารักเดวิซิโอ) กันทุกคน พวกเราน้ำตาไหลเลยนะ ความรู้สึกตอนนั้นพิเศษมาก
คิดว่ารู้จักเมืองไทยมากขนาดไหนแล้ว
ลูอิส: ยังไม่มากเท่าไหร่ เพราะครั้งที่แล้วมาแค่ 4 วัน แล้วต้องแถลงข่าว ออกสื่อตลอด พอคอนเสิร์ตจบก็บินกลับเลย แต่คราวนี้มีเวลามากขึ้น ตั้งใจกันไว้ว่าจะถ่ายมิวสิกวิดีโอที่สักเกาะหนึ่งในภาคใต้ คงจะมีโอกาสทำความรู้จักมากขึ้น
มาร์ติน: ผมอยากทำความรู้จักกับกรุงเทพฯ ให้มากกว่านี้ เพราะคิดว่าเป็นเมืองที่น่าสนใจ อยากไปวัดพระแก้วกับอีกหลายๆ วัด เพราะสถาปัตยกรรมที่นี่ไม่เหมือนที่สเปนเลย
นาโช่: อีกอย่างที่อยากไปทำมากๆ คือ ไปดูเขาต่อยมวยไทย เคยเห็นแต่ในคลิปวิดีโอกับมีคนพูดให้ฟังเยอะว่าสนุกมาก เลยอยากลองไปเล่นของจริงที่สนามมวยให้ได้
เท่าที่เห็นคิดว่าสเปนกับไทยมีอะไรเหมือนกันมากที่สุด
อันเดรส: หลายอย่างนะ อย่างแรกคือเพลงของไทยกับสเปนมีลักษณะคล้ายกัน อย่างเพลงของ สิงโต นำโชค, โต๋ (ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร) และ ป้าง (นครินทร์ กิ่งศักดิ์) ถ้าเปลี่ยนเป็นภาษาสเปนสามารถเอาไปเปิดในคลื่นวิทยุได้เลย แล้วน่าจะประสบความสำเร็จด้วย เพราะเทสต์การฟังเพลงของคนสเปนก็ชอบแนวนี้เหมือนกัน
คิดว่าลักษณะเด่นของศิลปินไทยคืออะไร
อันเดรส: พวกเราเคยคุยกับโต๋คนเดียว เพราะได้มาทำเพลงด้วยกัน เรื่องฝีมือไม่ต้องพูดถึงเลยนะ โต๋เก่งมาก ร้องเพลงก็เพราะ เรนจ์เสียงน่าสนใจ เล่นเปียโนเก่งมาก แต่ที่ประทับใจที่สุดคือโต๋เป็นศิลปินที่เป็นกันเองมาก เรียบร้อย ไม่ถือตัวเลย ทำงานด้วยกันแล้วสบายใจมาก
อัลเบร์โต: อาหารก็เหมือนกันนะ รสชาติจัดจ้านเหมือนกัน
กอนซาเลส: แล้วก็มอเตอร์ไซค์ที่บาร์เซโลนากับเมืองไทยมีรถมอเตอร์ไซค์เยอะเหมือนกันเลย
เคยขึ้นมอเตอร์ไซค์ไทยหรือยัง อีกหนึ่งความท้าทายของนักท่องเที่ยวที่อยากให้ลองเลยนะ
นาโช่: ยังเลย เคยแต่นั่งตุ๊กตุ๊ก ได้ยินมาบ้างว่ามอเตอร์ไซค์ที่เมืองไทยค่อนข้างน่ากลัว (หัวเราะ) มอเตอร์ไซค์ที่สเปนค่อนข้างปลอดภัย ทุกคนถูกบังคับให้ใส่หมวก แล้วรถหนึ่งคันนั่งได้เต็มที่แค่ 2 คน แต่ที่เมืองไทยรู้สึกว่าน่าจะนั่งได้เยอะกว่านั้นหรือเปล่า อยากลองนะครับ น่าจะสนุกดี
คิดว่าน่าจะมีคนแนะนำอาหารไทยให้พวกคุณมาเยอะแล้ว อยากให้ลองแนะนำอาหารสเปนให้คนไทยรู้จักบ้าง
อันเดรส: ไข่เจียวสเปนแล้วกัน คล้ายๆ ของเมืองไทย แต่เราจะใส่วัตดุดิบแค่ 3 อย่าง คือไข่ หัวหอม กับมันฝรั่ง ที่เมืองไทยไม่ใส่มันฝรั่งกันใช่ไหม อยากให้ลองใส่กันดูนะ แล้วทอดให้หนาๆ นุ่มๆ
เรื่องหรือนิสัยอะไรของคนไทยที่พวกคุณไม่เข้าใจมากที่สุด
อัลเบร์โต: จะเรียกว่าสงสัยดีกว่าครับ คือคนไทยเป็นคนนอบน้อมมาก มีมารยาทสุดๆ แทบไม่เคยเห็นคนไทยตวาดหรือพูดเสียงดังเลย พูดกันเสียงเบามาก บางครั้งเบาเกินไปนะ (หัวเราะ)
อันเดรส: แต่ยกเว้นเวลาร้องเพลงนะ ท่อนไหนที่ร้องได้ แฟนเพลงจะร้องกันเสียงดังมาก ตรงนี้ดีมากเลย
ถ้าเปรียบเทียบเมืองไทยเป็นเพลง เมืองไทยคือเพลงสไตล์ไหน
นาโช่: เรกเก้ ชัดเจนมากเลย เพราะเรกเก้คือดนตรีแห่งความสนุก และเมืองไทยเป็นเมืองที่สนุกแบบนั้น
อันเดรส: ผมคิดถึงเพลง Enamorate ของพวกเรา เป็นเพลงฟังสนุกๆ โยกหัวไปกับจังหวะเพลงได้ คิดว่าเหมาะกับเมืองไทย แล้วเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเราได้มาประเทศไทยด้วย
- เพลง ‘No Te Vas’ (โน เต บาส) อัลบั้มล่าสุดของพวกเขา ‘Que Tienes Tu’ (เก เตียเนส-ตู) คือเพลงที่ได้ร่วมงานกับโต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เป็นครั้งแรก
- ‘Enamorate’ (เอ็นนาโมราเต้) เพลงที่พวกเขาทำคลิปร้องเพลงบนรถ คือเพลงแจ้งเกิดของพวกเขา ปัจจุบันมียอดวิวทางยูทูบมากกว่า 24 ล้านครั้ง ในขณะที่ Official Video มียอดวิวแค่ 10 ล้าน