×

ดัชนีความโลภของบิทคอยน์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบสองปี การปรับฐานกำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่

04.11.2023
  • LOADING...
Crypto Fear and Greed Index

เครื่องมือชี้วัดความกลัวและความโลภของบิทคอยน์ (Crypto Fear and Greed Index) แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2021 ซึ่งเวลานั้นเป็นช่วงที่สกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งพุ่งแตะจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 69,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ก่อนที่จะปรับตัวลง นักลงทุนต่างจับตามองว่าการปรับฐานของตลาดกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่

 

ข้อมูลล่าสุดจาก Alternative.me ชี้ให้เห็นว่า เครื่องมือยอดฮิตอย่าง Fear and Greed Index แตะระดับ 72 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความโลภในหมู่นักลงทุน 

 

ทั้งนี้ ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาบิทคอยน์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก โดยมีปัจจัยบวกมาจากความคาดหวังว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะอนุมัติการจัดตั้งกองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) พุ่งแตะระดับ 6.92 แสนล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก CoinGecko

 

นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา สกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 อย่างบิทคอยน์ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 113% โดย ณ เวลา 19.00 น. ของวันนี้ (3 พฤศจิกายน) ราคา BTC ซื้อขายอยู่ที่ 34,265 ดอลลาร์ต่อเหรียญ

 

เครื่องมือ Fear and Greed เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการดูจิตวิทยาของนักลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ดัชนีจะมีค่าตั้งแต่ 0-100 ยิ่งค่าของดัชนีต่ำมากเท่าไร หมายความว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงหวาดกลัว ซึ่งอาจเป็นสัญญาณในการเข้าซื้อ ในขณะเดียวกัน ยิ่งค่าสูงมากเท่าไร ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดกำลังอยู่ในโหมดความโลภ และอาจมีแรงเทขายทำกำไรหรือการปรับฐานที่ตามมาได้ 

 

อย่างไรก็ตาม ดัชนีความกลัวและความโลภของบิทคอยน์เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยประกอบการตัดสินใจในการลงทุนเท่านั้น นักลงทุนจึงไม่ควรใช้ตัวชี้วัดเพียงตัวเดียวมาตัดสินการเคลื่อนไหวของตลาด และจากข้อมูลในอดีตที่ผ่านมา การที่ดัชนีพุ่งสู่ระดับความโลภไม่ได้หมายความว่าตลาดจะต้องมีการปรับตัวลงหรือพักฐานเสมอไป 

 

Crypto Fear and Greed Index

 

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising