ความรักเป็นเรื่องของโชคชะตา และในบางครั้งแม้เราจะรักใครสักคนมากแค่ไหนก็ตาม ถึงเวลาเราก็ต้องบอกลาและเก็บมันไว้ในความทรงจำ
Crying Out Love, In the Center of the World หรือในชื่อภาษาไทย อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก หนังสือผลงานของผู้เขียน เคียวอิจิ คาตายามะ บอกเล่าเรื่องราวความรักในแบบที่อบอุ่นและหล่นสลาย ทำยอดขายได้มากกว่า 3 ล้านเล่มในญี่ปุ่น และถูกนำไปสร้างเป็นการ์ตูน ซีรีส์ รวมถึงภาพยนตร์ ซึ่งประสบความสำเร็จในทุกครั้ง
เล่าเรื่องราวของ มัทสึโมโตะ ซาคุทาโร่ และ ฮิโรเสะ อากิ เพื่อนนักเรียนในชั้นมัธยมจากเมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น เมื่อเข้าชั้นมัธยมปลาย ทั้งคู่เปลี่ยนสถานะจากเพื่อนเป็นเงาของกันและกัน ระหว่างทางมีความลับที่ซาคุทาโร่รับปากคุณปู่ว่าจะทำให้ตามสัญญา รวมถึงการผจญภัยบนเกาะร้างที่ทำให้ทั้งคู่เข้าใจในความรักที่แท้ และแม้ว่าหลังจากนั้นซาคุทาโร่จะรู้ว่าอากิเป็นลูคีเมีย และมีเวลาอยู่ได้อีกไม่นาน แต่เขายังคงไปเฝ้าเพื่อนสนิทและคนรัก ทั้งคู่พูดคุยกันเรื่องความรักและความตายอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ด้วยความต้องการสุดท้าย พวกเขาตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อให้คนรักได้สมปรารถนา
น่าแปลกที่หนังสือเฉลยตอนจบตั้งแต่หน้าแรก คือเริ่มต้นด้วยการที่ซาคุทาโร่เดินทางไปโปรยเถ้ากระดูกของอากิ แต่เรื่องราวที่ถ่ายทอดผ่านความทรงจำของเขาหลังจากนั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึก ประสบการณ์ ความจำ ความสุข ความทุกข์ ที่อ่านแล้วชวนให้ย้อนนึกถึงอดีตในวัยหนุ่มสาวที่เราต่างต้องผ่านความรักครั้งแรกที่ใสบริสุทธิ์กันมาแล้วทั้งนั้น
https://www.youtube.com/watch?v=HJHUr80du1U
“ทุกครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมาผมจึงร้องไห้เสมอ มิใช่เพราะความเสียใจ แต่เป็นเพราะว่าเวลาที่ผมต้องตื่นจากความฝันอันแสนสุขมาสู่โลกแห่งความจริงอันน่าเศร้านั้นจะมีรอยร้าวที่ผมต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้ ซึ่งผมไม่อาจกลั้นหยาดน้ำตาแล้วก้าวข้ามมันไปได้เลย ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ครั้งก็ยังคงเหมือนเดิม” – ซาคุทาโร่
หนังสือตีพิมพ์ครั้งแรกภาษาญี่ปุ่นในปี 2001 และฉบับภาษาไทยในปี 2020 เราพบว่าเรื่องราวยังคงร่วมสมัย และคนอ่านมีส่วนร่วมได้อย่างไม่แตกต่าง ทั้งยังซึมซับความรู้สึกของความรักได้อย่างจริงใจ อาจเป็นเพราะเรื่องราวย้อนไปในยุคที่การสื่อสารยังเป็นแบบพบหน้า เราจะเห็นว่าพวกเขาทำอะไรด้วยกันตลอดเวลา ทั้งช่วยกันอ่านหนังสือ แข่งว่ายน้ำ ไปงานประเพณีสำคัญ หรือสื่อสารผ่านคนกลางอย่างเช่น การเขียนจดหมายไปขอเพลงยังรายการวิทยุยอดฮิต
“ถึงโลกจะพัฒนาไปไกล แต่ความรู้สึกของคนเรานั้นลึกๆ ลงไปในจิตใจแล้วไม่ค่อยเปลี่ยนนักหรอก บทกลอนนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ อายุกว่า 2,000 ปีได้ละมั้ง… แต่ไม่ว่าจะมีมานานแค่ไหน ความรู้สึกของคนที่แต่งกวีเหล่านี้ยังถ่ายทอดมาถึงคนรุ่นปู่ได้อย่างไม่เสื่อมคลาย มันสามารถสื่อไปถึงใจของทุกคนได้โดยไม่มีระดับการศึกษาและการอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอุปสรรคขวางกั้น” – คุณปู่ของซาคุทาโร่
เมื่อหนังสือวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นช่วงปี 2001 และทำยอดขายได้กว่า 3 ล้านเล่มในปี 2004 นำไปสู่การสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกัน เข้าฉายในเดือนพฤษภาคม 2004 นำแสดงโดย มาซามิ นางาซาวะ และ ทาคาโอะ โอซาวะ ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จจนทำให้เพลงประกอบ Hitomi O Tojite (With My Eyes Closed) ที่แต่งโดย Ken Hirai ได้รับความนิยมติดอันดับซิงเกิลขายดีในปีนั้น ภาพยนตร์ถูกนำไปรีเมกในเวอร์ชันเกาหลีชื่อว่า My Girl and I (2005) และถูกนำไปรีเมกในเวอร์ชันจีนชื่อว่า Crying Out in Love (2016)
เดือนกันยายน 2004 Crying Out Love, In the Center of the World ถูกนำไปสร้างเป็นทีวีซีรีส์ออกฉายในประเทศญี่ปุ่น ความยาว 11 ตอน ออกอากาศทาง TBS กำกับโดย ยูกิฮิโกะ ซึซึมิ นำแสดงโดย ทาคายูกิ ยามาดะ และ ฮารุกะ อายาเสะ ซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง และยังกวาดรางวัลสำคัญเวที Television Drama Academy Awards ในปี 2004 ทั้งรางวัลซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม นักแสดงชาย นักแสดงสมทบหญิง นักแสดงหน้าใหม่ บทซีรีส์ ผู้กำกับ แคสติ้ง และเพลงประกอบซีรีส์ยอดเยี่ยม
การจากลาหรือการดับสูญจริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องเศร้า แต่ความทรงจำที่เรามีต่อคนคนนั้นทำให้การจากลาช่างเจ็บปวด”
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ฟูมฟาย ทั้งที่เป็นความรักไม่สมหวัง และแม้ว่าความเจ็บปวดจะแสนทุกข์ทรมาน แต่กลับทำให้รู้สึกว่าการได้มีช่วงเวลาที่ดีที่สุดกับใครคนหนึ่ง นับเป็นสิ่งมีค่า แม้ว่าจากลากันแล้ว-ไม่มีวันได้พบหน้า ความทรงจำทั้งมวลจะยังมีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่ในตัวตนเราไปตลอดกาล
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
หนังสือ อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก Crying Out Love, in the Center of the World
ผู้เขียน เคียวอิจิ คาตายามะ
ผู้แปล ฤทัยวรรณ เกษสกุล
สำนักพิมพ์ Mono Generation
ราคา 299 บาท