×

วิกฤตซ้อนวิกฤต เชลซีไม่มี ‘ผู้นำ’ ทั้งในสนามและนอกสนาม?

07.02.2024
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 MIN READ
  • ความพ่ายแพ้ในเกมต่อวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส คาสแตมฟอร์ดบริดจ์ถึง 4-2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสะเทือนหัวใจของแฟนเชลซีอย่างแรง เพราะเป็นอีกครั้งที่ทีมพ่ายแพ้แบบหมดรูปต่อคู่แข่งหลังจากโดนลิเวอร์พูลไล่ต้อน 4-1 ไปในเกมก่อนหน้านี้
  • ทีมไม่มี ‘ผู้นำ’ ในสนามที่จะเป็นคนกำกับเกมผ่านการเล่นจริง ซึ่งในอดีตจะมีนักเตะอย่าง จอห์น เทอร์รี, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ดิดิเยร์ ดร็อกบา หรือแม้แต่ ปีเตอร์ เช็ก ที่เป็นเสาหลักค้ำยันทีมให้
  • สิ่งที่โปเชตติโนต้องแก้ไขเป็นการเร่งด่วนคือการ ‘ซื้อใจ’ ลูกทีมเหล่านี้กลับมาให้ได้ หลังจากที่เริ่มมองเห็นว่านักเตะไม่เชื่อใจและไม่ตอบสนองต่อคำสั่งในสนาม ไปจนถึงข่าวลือเรื่องการไม่มีความสุขของนักเตะหลายคนที่คิดถึงเรื่องการย้ายออกจากทีมหลังจบฤดูกาลนี้

“มันถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว ถ้าปล่อยให้นานไปกว่านี้จะสายเกินไป”

 

ข้อความจาก เบลล์ ซิลวา ที่โพสต์บน X กลายเป็นประเด็นที่ถูกนำมาพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในวงการฟุตบอล เพราะเบลล์ไม่ได้เป็นแค่แฟนฟุตบอลธรรมดา แต่เธอคือภรรยาของ ติอาโก ซิลวา ปราการหลังอาวุโสของทีมสิงห์บลูส์

 

ข้อความนี้ถูกสำทับด้วยข่าวสะพัดเรื่องความผิดหวังของนักเตะภายในทีม ที่การมาเล่นในสแตมฟอร์ดบริดจ์ไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างที่คิดและถูกขายฝันเอาไว้เลย ซึ่งหนึ่งในนักเตะที่ตกเป็นข่าวคือ เอ็นโซ เฟอร์นันเดส กองกลางดีกรีแชมป์โลกทีมชาติอาร์เจนตินา

 

ในขณะที่ เมาริซิโอ โปเชตติโน นายใหญ่ก็ถูกจับตามองว่าเริ่มมีอาการอยู่ไม่สุขในการแถลงข่าวช่วงหลัง โดยการแถลงข่าวครั้งล่าสุดก่อนเกมเอฟเอคัพนัดรีเพลย์กับแอสตัน วิลลา มีการพาดพิงถึงลิเวอร์พูลที่พ่ายแพ้อาร์เซนอลเหมือนกันแต่ไม่มีใครพูดถึงเลย ซึ่งไม่ใช่การให้สัมภาษณ์ที่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา

 

โดยมีข่าวว่าการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้จัดการทีมเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ เพราะเสี่ยงจะเป็นการผิดต่อกฎการเงิน Profit and Sustainability Rules (PSR)

 

นี่หมายถึงเชลซีอยู่ในวิกฤตซ้อนวิกฤตที่ไม่มีทางออกหรือไม่?

 

 

ความพ่ายแพ้ในเกมต่อวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส คาสแตมฟอร์ดบริดจ์ถึง 4-2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสะเทือนหัวใจของแฟนเชลซีอย่างแรง เพราะเป็นอีกครั้งที่ทีมพ่ายแพ้แบบหมดรูปต่อคู่แข่งหลังจากโดนลิเวอร์พูลไล่ต้อน 4-1 ไปในเกมก่อนหน้านี้

 

สถานการณ์ดังกล่าวสร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลต่อ เมาริซิโอ โปเชตติโน ผู้จัดการของทีมที่เข้ามารับตำแหน่งในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา พร้อมความคาดหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงเชลซีให้กลายเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมได้อีกครั้ง

 

แต่ยิ่งเวลาผ่าน สถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายมากขึ้น

 

เวลานี้เชลซีอยู่ในอันดับที่ 11 ของตารางมี 31 คะแนน อยู่ใกล้กับโซนลุ้นหนีตกชั้นอย่างเอฟเวอร์ตัน (19 คะแนน) มากกว่าโซนลุ้นไปแชมเปียนส์ลีกอย่างแอสตัน วิลลา (46 คะแนน) ขณะที่ฟอร์มการเล่นของทีมยังมองไม่เห็นถึงความชัดเจนใดๆ

 

ไม่มีสไตล์ ไม่มีแผน ไม่มีอะไรทั้งนั้น โดยไม่มีอะไรดีไปกว่าวันที่ เกรแฮม พอตเตอร์ คุมทีมเลย

 

จริงอยู่ที่เชลซีประสบปัญหานักเตะบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงคีย์แมนอย่างกัปตันทีม รีซ เจมส์ และ เบน ชิลเวลล์ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนตลอด แต่โปเชตติโนเข้ามาคุมทีมตั้งแต่ช่วงปิดฤดูกาล ผ่านการพรีซีซันเต็มรูปแบบ

 

ทีมยังมี ‘แกน’ ที่ใช้งานต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น ติอาโก ซิลวา, อักเซล ดิซาซี, ลีวาย โคลวิลล์, เอนโซ เฟร์นานเดซ, มอยเซส ไกเซโด, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, โคล พาลเมอร์, ราฮีม สเตอร์ลิง, มิไคโล มูดริก และ นิโคลัส แจ็คสัน ซึ่งทั้งหมดนี้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไม่ต่ำกว่า 19 นัด

 

 

แต่เชลซีของโปเชตติโนยังติดอยู่ที่แยกคลองตัน มองไม่เห็นพัฒนาการสักที ที่สำคัญคือยิ่งเล่นก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ

 

เล่นแย่ไม่พอ โปเชตติโนยังถูกจับตามองเรื่องของการแก้เกม (In Game Management) ที่มักจะเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นช้าเกินไปและไร้ประสิทธิผล

 

มีแค่ 3 นัดที่เชลซีพลิกแซงคู่แข่งได้คือการเจอกับเอเอฟซี วิมเบิลดัน ในลีกคัพ, เบิร์นลีย์ที่ย่ำแย่ และสเปอร์สที่นักเตะโดนไล่ออกไป 2 คน

 

ความผิดหวังที่สะสมทำให้ เบลล์ ซิลวา ขอเป็นตัวแทนหมู่บ้านในการเปิดฉากโจมตีโปเชตติโนผ่านการพูดอ้อมๆ ซึ่งแม้จะไม่มีการระบุว่า ‘การเปลี่ยนแปลง’ คืออะไร แต่ทุกคนรู้ว่าหมายถึงการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งผู้จัดการทีม

 

ในมุมของ ‘พอช’ เขาพยายามบอกว่าทีมต้องการเวลา และเขาเองก็อยากขอเวลาในการทำงานมากกว่านี้ เพื่อจะจัดการแก้ไขปัญหาทุกอย่าง

 

ทั้งนี้ ในโปรเจกต์ใหญ่ของเชลซี ซึ่งเริ่มในวันที่ ทอดด์ โบห์ลี นำกลุ่มนักลงทุนเข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรต่อจากโรมัน อบราโมวิช เมื่อปี 2022 ทีมก็เริ่มมีการเปลี่ยนถ่ายสายเลือดนักเตะใหม่ มีการซื้อนักเตะแห่งอนาคตเข้ามามากมาย

 

 

เริ่มจาก เอนโซ, มูดริก, พาลเมอร์, ไกเซโด ไปจนถึง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู และ โรเมโอ ลาเวีย ในกลุ่มนักเตะระดับสตาร์อนาคตไกล

 

นอกจากนี้ยังมี ดิซาซี, เบอนัวต์ บาเดียชิล, โนนี มาดูเอเก, มาโล กุสโต, เซซาเร คาซาเดด, คาร์นีย์ ชุควูเมกา, นิโคลัส แจ็คสัน, เลสลีย์ อูโกชุควู ในกลุ่มที่ถูกมองว่าจะเป็นนักเตะที่พัฒนาขึ้นมาเป็นดาวเด่นได้

 

ตามแผนของโบห์ลีแล้วเขาคาดหวังที่จะเห็นเชลซีชุดนี้เติบโตไปด้วยกัน และก้าวขึ้นมาในวันที่ เจอร์เกน คล็อปป์ และ เป๊ป กวาร์ดิโอลา อำลาจากลิเวอร์พูลกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งคาดไว้ว่าไม่เกินปี 2025

 

แต่มันเป็นการมองการณ์ไกลเกินไปและห่างจากความเป็นจริง นักเตะเหล่านี้อ่อนประสบการณ์และวุฒิภาวะต่ำเกินไป เชลซีกลายเป็นทีมที่สูญเสียความสมดุลอย่างแรง อย่าว่าแต่เล่นดี นัดแย่หลายนัดในระหว่างเกมเองก็มีทั้งช่วงเวลาที่เหมือนจะทำได้ดีแต่ก็กลับมาแย่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

ทีมไม่มี ‘ผู้นำ’ ในสนามที่จะเป็นคนกำกับเกมผ่านการเล่นจริง ซึ่งในอดีตจะมีนักเตะอย่าง จอห์น เทอร์รี, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ดิดิเยร์ ดร็อกบา หรือแม้แต่ ปีเตอร์ เช็ก ที่เป็นเสาหลักค้ำยันทีมให้

 

 

ตอนนี้นักเตะที่อยู่ในระดับนั้นเหลือเพียงแค่ ติอาโก ซิลวา ไม้ใกล้ฝั่งในวัย 39 ปีที่ช่วยทีมแทบไม่ไหวแล้ว

 

แต่ก่อนจะฟูมฟาย สิ่งที่โปเชตติโนต้องแก้ไขเป็นการเร่งด่วนคือการ ‘ซื้อใจ’ ลูกทีมเหล่านี้กลับมาให้ได้ หลังจากที่เริ่มมองเห็นว่านักเตะไม่เชื่อใจและไม่ตอบสนองต่อคำสั่งในสนาม ไปจนถึงข่าวลือเรื่องการไม่มีความสุขของนักเตะหลายคนที่คิดถึงเรื่องการย้ายออกจากทีมหลังจบฤดูกาลนี้

 

ประเด็นนี้นักข่าวสอบถามโปเชตติโนเช่นกัน โดยเฉพาะกับ ติอาโก ซิลวา แต่กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ยังเชื่อว่าทุกอย่างยังเป็นไปด้วยดี “ไปถามเขาเลยก็ได้ แต่ผมคิดว่าระหว่างเรายังดีกันอยู่ ผมคิดว่าความสัมพันธ์ของเราดีต่อกันมาตลอดตั้งแต่แรก ลองดูได้จากเวลาที่ผมแถลงข่าวหรือสัมภาษณ์ ผมพูดถึงเขาอย่างไร”

 

โปเชตติโนเปิดเผยว่าระหว่างเขากับ ติอาโก ซิลวา ได้มีการเปิดใจเคลียร์กันเรียบร้อย โดยนักเตะเป็นฝ่ายที่เข้ามาขอเคลียร์ด้วยตัวเองหลังการโพสต์ข้อความของภรรยา เพียงแต่รายละเอียดการพูดคุยเป็นเรื่องส่วนตัว

 

 

สำหรับนักเตะคนอื่นอดีตผู้จัดการทีมสเปอร์สยืนยันว่าเขายังยืนหยัดเคียงข้างลูกทีมเสมอ และมั่นใจในความเป็น ‘ผู้นำ’ ของเขา

 

“ผมบอกกับนักเตะในการประชุมวันนี้ว่า ผมเชื่อใจพวกเขามากกว่าทุกที ผมจะสนับสนุนพวกเขามากขึ้นกว่าทุกครั้ง ผมไม่ได้เป็นแค่เจ้านายธรรมดา แต่ผมคือผู้นำ”

 

ส่วนนักเตะจะยืนข้างเขาหรือไม่เป็นสิ่งที่ต้องจับตาดูกัน

 

ที่สำคัญคือโบห์ลีและเหล่าผู้บริหารระดับสูงจะยืนข้างโปเชตติโนต่อไปหรือไม่ และสมมติหากมันไปไม่ไหวจริงๆ การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ทำได้หรือไม่

 

ถ้าทำไม่ได้ก็อาจหมายถึงต้องทนอยู่กันไปแบบนี้ ไม่ว่าจะนักเตะหรือผู้จัดการทีม ซึ่งไม่มีอะไรจะเศร้าไปกว่านี้อีกแล้ว

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising