บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ได้รับข้อเสนอจาก บริษัท ห้างเซ็นทรัล ดีพาทเมนท์สโตร์ จำกัด (HCDS หรือ Central Group) ขอเสนอซื้อห้างสรรพสินค้า Rinascente ในประเทศอิตาลี รับเงิน 1.47 หมื่นล้านบาท ทำกำไรประมาณ 6 พันล้านบาท
การตัดสินใจขายธุรกิจในอิตาลีสอดคล้องกับนโยบายและกลยุทธ์ทางธุรกิจของ CRC ที่ต้องการปรับพอร์ตโดยมุ่งเน้นการขยายธุรกิจในตลาดหลัก คือ ประเทศไทยและเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่ CRC มีความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพในการเติบโตสูง
CRC ระบุถึงแผนที่จะลงทุนและขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งยังเปิดโอกาสให้นำเงินที่ได้รับจากการขายครั้งนี้ไปเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับบริษัท รวมถึงการทำ M&A (Mergers and Acquisitions) เพื่อมาเสริมตลาดหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต โดยประเทศที่เป็นไปได้คือ มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ เพราะเป็นประเทศที่ค้าปลีกยังเติบโตสูง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘รีนาเชนเต’ ห้างเก่าแก่อายุกว่า 100 ปีของอิตาลีที่มี ‘เซ็นทรัล รีเทล’ จากไทยเป็นเจ้าของ
- เส้นทาง ‘สุทธิสาร จิราธิวัฒน์’ จากการปลุกปั้น เพาเวอร์บาย, ซุปเปอร์สปอร์ต และไทวัสดุ สู่ซีอีโอ CRC คนใหม่
- การเดินทางของ ฌอน ฮิลล์ จากนักกฎหมายในนิวยอร์กสู่ ‘แม่ทัพแห่ง de Bijenkorf’ และบทพิสูจน์ครั้งสำคัญของทายาทรุ่นที่ 4 แห่งตระกูลจิราธิวัฒน์
ที่ผ่านมา CRC ถูกเอ่ยถึงหลายครั้งเมื่อกลุ่มเซ็นทรัลเข้าซื้อห้างสรรพสินค้าในยุโรป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการมี Rinascente ทำให้ถูกมองว่า น่าจะเข้าใจตลาดยุโรปเป็นอย่างดี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีการเข้าซื้อ
“ที่ผ่านมาบริษัทได้รับโอกาสพิจารณาการลงทุนเพิ่มในยุโรปหลายครั้ง แต่เนื่องจากต้องใช้เงินทุนสูง ซึ่งจะไปดึงเงินลงทุนจากตลาดหลักในประเทศไทยและเวียดนาม จึงตัดสินใจไม่เข้าลงทุน” ปเนต มหรรฆานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน CRC กล่าว
ขณะเดียวกันข้อเสนอซื้อห้างสรรพสินค้า Rinascente จากกลุ่มเซ็นทรัล ถือเป็นโอกาสที่ดีของเซ็นทรัล รีเทล ในการขาย Non-Strategic Operating Asset ในราคาที่เหมาะสม
เงินที่ได้รับจะนำไปบริหารจัดการในการสร้างการเติบโต และเสริมแกร่งสถานะทางการเงิน โดยจะมีการคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ทำให้ภาระหนี้สินลดลงประมาณ 5.3 พันล้านบาท รวมทั้งภาษีจ่ายที่จะลดลงจากเดิม เพราะอัตราภาษีในอิตาลีสูงถึง 30% ขณะที่อัตราเฉลี่ยของไทยและเวียดนามรวมกันอยู่ที่ 23%
อีกทั้งจะมีการจ่ายเงินปันผลราว 7.7 พันล้านบาท คิดเป็น 1.28 บาทต่อหุ้น เบื้องต้นปันผลจะจ่ายครั้งแรกจำนวนประมาณ 4.2 พันล้านบาท ภายหลังจากที่ CRC ได้รับเงินสดสุทธิจากธุรกรรม (คาดว่าภายในปี 2568 นี้) และครั้งที่สองจำนวนประมาณ 3.5 พันล้านบาท พร้อมกับการจ่ายเงินปันผลประจำปีจากผลการดำเนินงานปี 2568
บทวิเคราะห์ของ InnovestX ระบุถึงการตัดสินใจขายในครั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากการที่กลุ่มเซ็นทรัลเป็นผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่สุดในยุโรปได้แก่ในสหราชอาณาจักร, เนเธอร์แลนด์, ไอร์แลนด์, เยอรมนี, เดนมาร์กและสวิตเซอร์แลนด์ จึงเป็นผู้ซื้อที่เหมาะสม และมีโอกาสน้อยที่จะมีข้อเสนอซื้อจากผู้ซื้อรายอื่นที่มีขนาดเล็กกว่า
การขายในครั้งนี้ยังเกิดขึ้นหลังจาก CRC ได้เรียนรู้ knowledge sharing จากการบริหารห้างสรรพสินค้าลักชัวรีจาก Rinascente มาตั้งแต่ปี 2561 และจะไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจแฟชั่นอื่นๆ ที่เหลืออยู่ของ CRC ในประเทศไทย
อย่างไรก็ตามปี 2566 ที่ผ่านมาถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 158 ปีของ Rinascente ที่สามารถทำยอดขายทะลุ 1 พันล้านยูโรหรือราว 3.6-3.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 9 สาขา ใน 8 เมืองสำคัญ
ล่าสุดที่มิลานซึ่งถือเป็นสาขาแฟลกชิปสโตร์มีการเช่าพื้นระยะยาวที่ตึกข้างๆ ที่เคยเป็นโรงภาพยนตร์เก่าแก่อายุ 100 กว่าปีสำหรับทำเป็นพื้นที่ Beauty Hub ซึ่งขนาดใหญ่ที่สุดในอิตาลีได้ลงทุนราว 43 ล้านยูโร หรือราว 1,600 ล้านบาท
คาดว่าการลงทุนนี้จะช่วยให้ Rinascente มิลาน มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 80 ล้านยูโรต่อปี หรือเกือบ 3,000 ล้านบาทด้วยกัน โดยพื้นที่นี้จะเปิดอย่างเป็นทางการในปี 2570
