×

CRACKED: Michelle Yeoh ผู้หญิงที่เป็นให้ผู้ชมได้ทุกอย่าง กับจุดสูงสุดของโปรไฟล์ชีวิตในวัย 60 ปี

11.01.2023
  • LOADING...

“คุณพูดภาษาอังกฤษเหรอ?” 

 

นี่คือคำถามแรกที่ผู้หญิงคนหนึ่งได้รับในวันที่ก้าวเท้าเข้าสู่โลกใบใหม่ที่เรียกว่า ‘ฮอลลีวูด’ เวลาหลายสิบปีผ่านไป ความสามารถจากทุกผลงานและรางวัล ‘นักแสดงหญิงยอดเยี่ยม’ จากเวที Golden Globes Awards 2023 และล่าสุดกับออสการ์ตัวแรกในชีวิตของเธอ ได้ตอบทุกคำถามที่ทุกคนเคยสงสัยในตัวผู้หญิงที่ชื่อ Michelle Yeoh (มิเชล โหย่ว) คนนี้ได้หมดแล้ว 

 

Michelle Yeoh คือชื่อนักแสดงหญิงที่คุ้นหูชาวไทยมาหลายสิบปี และในวันนี้เธอเพิ่งจะได้รับรางวัลตัวแรกในชีวิตในฐานะนักแสดงนำหญิงจากภาพยนตร์เรื่อง Everything Everywhere All At Once และเธอยังเป็นผู้หญิงเอเชียนคนแรกในรอบ 94 ปีที่ได้รับรางวัลนี้อีกด้วย กลายเป็นหมุดหมายและจุดสูงสุดของโปรไฟล์ในชีวิตตลอด 60 ปีของเธอ แต่กว่า ‘ซือเจ๊’ คนนี้จะทะลุมัลติเวิร์สมาถึงจุดนี้ได้ ชีวิตของเธอก็ผ่านหุบเหวมามากมายจนหลายคนนึกไม่ถึง 

 

เธอเอาความฝันทั้งหมดเดิมพันกับการเติบโตของชีวิตตั้งแต่เด็ก พลิกผันเส้นทางชีวิตจากการเป็นนักบัลเลต์สู่การเป็นนักแสดงเอเชียเบอร์ต้น ที่โชคชะตา จังหวะ และโอกาสทั้งหมดพิสูจน์แล้วว่า ทุกๆ ก้าวเดินของชีวิต ทำให้เธอมีวันนี้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี

 

ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Yes, Madam! (1985) / IMDb

 

จากนักบัลเลต์อนาคตไกล สู่สตันท์เกิร์ลที่ชื่อ Michelle Khan

 

Michelle Yeoh เป็นลูกครึ่งมาเลเซีย-จีน ที่เติบโตพร้อมกับความสนใจในการเต้น และทุกศาสตร์การเคลื่อนไหว เธอเริ่มเรียนบัลเลต์อย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 4 ปี ย้ายตามครอบครัวไปอาศัยอยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตอนอายุ 15 ปี ที่นั่นเธอได้เข้าเรียนที่ London’s Royal Academy of Dance ในสาขาบัลเลต์ และดูเหมือนเส้นทางในการเป็นนักบัลเลต์มืออาชีพของเธอจะสวยงาม เหมือนที่เธอเคยพูดเอาไว้ว่า

 

“ตอนนั้นเหมือนฝันเป็นจริง ฉันได้เต้นบัลเลต์ ห้อมล้อมไปด้วยดนตรีและท่วงท่า” 

 

นอกจากนี้เธอยังมีความฝันสูงสุดคือการได้เป็นอาจารย์สอนบัลเลต์ขั้นสูง และยังมีแพลนเปิดโรงเรียนสอนบัลเลต์ในมาเลเซีย แต่เรื่องราวทั้งหมดก็พลิกผันหลังจากเธอเริ่มมีอาการบาดเจ็บที่หลัง ทำให้เส้นทางการเป็นนักเต้นถึงทางตัน มันเหมือนกับความฝันแตกสลายไปต่อหน้า 

 

แต่ในเรื่องโชคร้ายนั้นก็ยังมีเรื่องที่โชคดี และเหมือนชีวิตของเธอได้กำหนดไว้แล้ว เพราะในขณะนั้นเองเธอได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ของเธอให้ก้าวสู่โอกาสใหม่ นั่นคือการเรียนการแสดง แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ไม่ได้สวยงามเท่าไรนัก 

 

“ฉันเกลียดมันอย่างแรง!” 

 

Michelle Yeoh เคยพูดถึงจุดเริ่มต้นนี้ในสุนทรพจน์บนเวที ASEAN World Economic Forum ในปี 2016 เธอไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะได้มาเป็นนักแสดง เพราะเธอตื่นเวทีมากๆ และการเรียนการแสดงในอังกฤษเป็นเรื่องซีเรียสมากๆ จนหลายครั้งเธอพยายามหาทางจะโดดเรียนคลาสแอ็กติ้งตลอดเวลา

 

ภาพจากโฆษณา Guy Laroche (1984)

 

หลังเรียนจบจากอังกฤษ เธอเริ่มต้นชีวิตในอีกเส้นทาง และสร้างชื่อตัวเองจากการประกวดเวที Miss World Malaysia ในปี 1983 ก่อนจะมีผลงานการแสดงแรกเป็นโฆษณานาฬิกาของแบรนด์ Guy Laroche ในปี 1984 ร่วมกับ แจ็คกี้ ชาน หรือเฉินหลง ที่กำลังฮอตสุดๆ ในเวลานั้น ซึ่งงานโฆษณาชิ้นนี้นี่แหละที่ทำให้เธอไปเข้าตาโปรดักชันเฮาส์ในฮ่องกง และเธอก็เริ่มมีงานแสดงในภาพยนตร์หลังจากนั้น โดยเดบิวต์ในชื่อของ Michelle Khan (มิเชล คาน) ในภาพยนตร์ที่ชื่อว่า The Owl vs. Dumbo (1984)

 

ใครจะไปคิดว่าจากนักเรียนบัลเลต์ จะกลายมาเป็นแอ็กชันสตาร์คนใหม่ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮ่องกง และเธอก็เริ่มต้นทำงานในสายนี้อย่างจริงจัง ก่อนที่ในปี 1985 เธอจะมีเครดิตในฐานะนักแสดงนำในหนังแอ็กชัน Yes, Madam! ถึงแม้จะยังไม่ใช่บทบาทที่ถนัด แต่เธอก็พยายามดัดแปลงพื้นฐานการเคลื่อนไหวและแสดงออก เพื่อแสดงท่วงท่าศิลปะการต่อสู้ บวกกับใช้วิธีเรียนรู้จากหน้าฉากและนำไปฝึกซ้อมเองที่ยิมอย่างหนักเพื่อพัฒนาตัวเองเพิ่มเติม

 

ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง The Stunt Woman (1996) / IMDb

 

ชื่อของ Michelle Yeoh ในฐานะแอ็กชันสตาร์หญิงที่โด่งดัง ก็เรียกว่าเป็นการพลิกบทบาททางเพศในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮ่องกงไปอย่างมาก เพราะภาพยนตร์แอ็กชันในขณะนั้นมักจะมีแต่ผู้ชายเป็นนักแสดงนำ และความสามารถของเธอก็ล้นเหลือขนาดนี้ แจ็คกี้ ชาน เพื่อนร่วมงานที่ทำงานด้วยกันมายาวนาน ไว้ใจและให้เธอเป็นนักแสดงหญิงคนเดียวที่เขาจะยอมให้เล่นฉากสตันท์ด้วยตัวเอง

 

แต่จากจุดแข็งนี้ก็ทำให้ช่วงหนึ่งเธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก จากอุบัติเหตุในการถ่ายทำเรื่อง The Stunt Woman (1996) เธอประสบอุบัติเหตุอย่างหนักในซีนที่ต้องกระโดดจากสะพานลงมาที่รถบรรทุกในความสูงราว 5 เมตร เธอดิ่งตัวลงบนพื้นจนหลังหัก ต้องพักรักษาตัวนานเป็นเดือน ซึ่งไม่ใช่แค่ทางกายเท่านั้น แต่ความรู้สึกทางจิตใจตอนนั้นก็ได้รับผลกระทบรุนแรงเช่นกัน 

 

ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Tomorrow Never Dies (1997)

 

จากฮ่องกงสู่ฮอลลีวูด และการกำเนิดใหม่ของ Michelle Yeoh

 

ย้อนกลับไปครั้งที่เธอได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง Police Story 3: Super Cop ในปี 1992 ร่วมกับ แจ็คกี้ ชาน ที่มีเวอร์ชันพากย์เสียงอังกฤษใหม่ใน 4 ปีให้หลังและนำไปฉายในสหรัฐอเมริกา และนั่นเป็นใบเบิกทางให้ความสามารถของเธอได้เฉิดฉาย และกลับไปใช้ชื่อเรียกตัวเองว่า Michelle Yeoh ในการเดินทางครั้งสำคัญครั้งนี้

 

บทบาทแรกอันน่าจดจำของการเกิดใหม่ครั้งนี้ คือการได้รับบทเป็นสาวบอนด์ใน Tomorrow Never Dies (1997) ที่เธอแสดงนำเคียงข้าง Pierce Brosnan และทำให้ James Bond คนนี้ประทับใจเธอมากๆ ถึงกับเอ่ยปากว่า Michelle Yeoh เป็นนักแสดงที่มหัศจรรย์ และมีความตั้งใจในการทำงานมากๆ และในปีเดียวกันนี้เองที่เธอเดบิวต์ในฮอลลีวูด ถูกยกย่องให้เธอเป็น 1 ใน 50 ผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุดแห่งปีจากนิตยสาร People 

 

ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon (2000)

 

สปอตไลต์ที่ส่องแสงให้เธอเป็นที่รู้จักมากขึ้นในเวทีโลกอีกครั้ง คือการแสดงภาพยนตร์เรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon (2000) ของผู้กำกับ อังลี เธอใช้เวลา 1 ปีเต็มในการพักเพื่อเตรียมตัวทั้งเรื่องร่างกาย รวมไปถึงการเรียนภาษาจีนแมนดารินในระดับลึก เพื่อให้พร้อมสำหรับบท เนื่องจากเธอพูดได้เพียงภาษาจีนกวางตุ้งเท่านั้น 

 

แต่หลังจากภาพยนตร์เริ่มเดินหน้าถ่ายทำไปไม่นาน เธอประสบอุบัติเหตุเอ็นเข่าฉีกจนได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก จนเกือบจะถอนตัวไปจากบทนี้แล้ว แต่ผู้กำกับ อังลี อยากให้เธอเล่นบทนี้จริงๆ ถึงกับยอมเลื่อนกองถ่ายไปหลายเดือนเพื่อให้เธอรักษาตัว และเมื่อเธออาการดีขึ้น เธอต้องบินไป-กลับจากสหรัฐอเมริกาและจีนเพื่อถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ในซีนที่ไม่ต้องแอ็กชันหนักๆ จนกว่าร่างกายเธอจะเป็นปกติสำหรับฉากอื่นๆ

 

เธอยังสร้างผลงานที่น่าจดจำอีกมากมายไว้ในโปรไฟล์ ไม่ว่าจะเป็น Memoirs of a Geisha (2005) ของผู้กำกับ Rob Marshall ซึ่งเธอเองเป็นแฟนของหนังสือเล่มดังกล่าว และเป็นแฟนหนังเรื่อง Chicago (2002) ของ Rob อยู่แล้ว เมื่อรู้ว่าหนังสือเล่มนี้จะกลายเป็นหนัง เธอถึงกับบอกว่า 

 

“ให้ฉันคุกเข่าอ้อนวอนก็ได้พระเจ้า ให้เขาโทรหาฉันเถอะ!” 

 

นอกจากนี้ Michelle และนักแสดงหญิงอีก 2 คนทั้ง กงลี และ จางจื่ออี๋ ต้องอยู่ด้วยกันเป็นเวลา 6 สัปดาห์เพื่อเข้า ‘Geisha Boot Camp’ เพื่อเรียนหลักสูตรเร่งรัดในการเป็นเกอิชา เรียนรู้วัฒนธรรมทั้งหมด ทั้งการเต้นรำ การเล่นดนตรี และการชงชา

 

ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Crazy Rich Asians (2018)

 

Michelle Yeoh เคยรับบทเป็น ออง ซาน ซูจี ในภาพยนตร์เรื่อง The Lady (2011) หรือบทที่หลายๆ คนน่าจะชอบเธอมากๆ ก็คือ Eleanor Young จาก Crazy Rich Asians (2018) แม่จอมเนี้ยบที่ทำให้เราต้องนั่งเกร็งตัวทุกครั้งที่ปรากฏตัวบนจอ 

 

มีเรื่องน่ารักๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้ ผู้กำกับ John M.Chu บอกว่า Michelle Yeoh ไม่พอใจแหวนหยกม็อกอัพที่ทีมงานทำมา เธอเลยโชว์คอลเล็กชันแหวนงามๆ ของเธอให้เขาดูเพื่อนำไปทำใหม่ จึงกลายมาเป็นแหวนเพชรหยกสุดไอคอนิกอย่างที่เราเห็นในเรื่อง

 

ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Everything Everywhere All At Once (2022)

 

จุดสูงสุดของโปรไฟล์ชีวิตในวัย 60 ปีของ Michelle Yeoh

 

แม้เธอจะรับเล่นภาพยนตร์มามากมาย ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์และผู้ชมอีกจำนวนมาก แต่สิ่งที่เธอกลับไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสคือ รางวัลที่การันตีความสำเร็จเหล่านั้น มีไม่กี่ครั้งที่ฝีมือของเธอจะถูกมองเห็นจนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสักอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเวทีของกลุ่มนักวิจารณ์ หรือเวทีเทศกาลภาพยนตร์ทั่วโลก 

 

ชื่อของเธอเคยเข้าใกล้จุดสูงสุดอยู่บ้าง ก็จากตอนที่เล่น Crouching Tiger, Hidden Dragon (2000) ที่เธอได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงถึง 7 สถาบัน ซึ่งรวมไปถึงรางวัลม้าทองคำ รางวัลที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมภาพยนตร์จีน หรือจากเรื่อง The Lady (2011) หรือ Crazy Rich Asians (2018) แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงชื่อผู้เข้าชิง ยังไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะได้ขึ้นไปยืนกล่าวสปีชบนเวทีในฐานะนักแสดง ‘ยอดเยี่ยม’ มาก่อน 

 

ผ่านไป 22 ปี ชื่อของ Michelle Yeoh กลับมาโดดเด่นอีกครั้งในช่วงเทศกาลรางวัลจากกระแสของภาพยนตร์เรื่อง Everything Everywhere All At Once นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจริงๆ ตั้งแต่เริ่มเข้าฉายในเทศกาล Southwest Film Festival ในเดือนมีนาคม 2022 เพราะเมื่อเช้านี้ (11 มกราคม 2023) เธอเพิ่งจะได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมหมวดภาพยนตร์ตลกหรือมิวสิคัล จากเวทีลูกโลกทองคำ ซึ่งถือเป็นรางวัลใหญ่รางวัลแรกในชีวิตอย่างแท้จริง ที่ไม่นับรางวัลพิเศษในเวทีอื่นๆ ที่เคยมอบให้เพื่อสรรเสริญและให้เกียรติความสามารถของเธอ

 

 

Michelle Yeoh ได้สร้างคาแรกเตอร์ Evelyn Wang ในหนังที่เคยมีเรื่องย่อปรากฏในเว็บไซต์ IMDb ว่า เป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่พยายามจะจ่ายภาษี ให้กลายเป็นบทบาทที่ได้รับการชื่นชมจากนักวิจารณ์ทั่วโลก ในทิศทางเดียวกันว่า “นี่คือบทบาทที่ดีที่สุดในชีวิตของ Michelle Yeoh” 

 

Everything Everywhere All At Once นับว่าเป็นการก้าวกระโดดออกจากคอมฟอร์ตโซนอีกครั้ง (และอีกครั้ง) เพราะเธอได้เล่นบทที่มีทุกมิติ ทั้ง คอเมดี้ แอ็กชัน สยองขวัญ และทุกๆ แนวหนังในหนังเรื่องเดียว เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม และเธอก็รอคอยบทบาทแบบนี้มาทั้งชีวิต แม้กระทั่งตัวเธอเองยังรู้สึกว่า ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะได้เอาทักษะศิลปะการต่อสู้ของตัวเองมาทำอะไรบ้าบอแบบนี้! 

 

และเป็นที่มาของการขึ้นไปกล่าวสปีชในฐานะ ‘นักแสดงยอดเยี่ยม’ ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทรงพลัง และสรุปเรื่องราวตลอดระยะเวลา 60 ปีที่เธอเผชิญมาได้ด้วยตัวเอง 

 

“ฉันจำครั้งแรกที่เดินทางมาที่ฮอลลีวูดได้ มันเหมือนฝันที่เป็นจริง จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งถามฉันว่า “คุณพูดภาษาอังกฤษเหรอ?” และฉันก็ตอบเขาว่า “ใช่ พอดีไฟลต์บินยาวตั้ง 13 ชั่วโมง ฉันก็เลยได้ฝึกเรียนภาษา” 

 

“เวลาผ่านไปฉันอายุครบ 60 ปีเมื่อปีที่แล้ว และฉันคิดว่าผู้หญิงทุกคนรู้และเข้าใจสิ่งนี้ เมื่อเราแก่ตัวลง วันเวลาและตัวเลขมากขึ้น แต่โอกาสมันน้อยลง และภาพยนตร์เรื่อง Everything Everywhere All At Once คือของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันได้รับมา”

 

Everything Everywhere All At Once เชื่อมโยงตัวตนของเธอ และคนชายขอบจำนวนมากไว้ด้วยกัน ผ่าน Evelyn Wang ตัวละคร Asian-American ผู้อพยพที่ต้องดีลกับสถานการณ์เหลือเชื่อบางอย่าง นอกจากนี้เธอยังกล่าวถึงตัวละครที่เผยให้เห็นแง่มุมหนึ่งของชีวิตผู้หญิงที่คล้ายจะไร้ตัวตน หรือถูกมองข้ามในบางที รวมถึงยังเป็นตัวละครผู้หญิงที่มาไล่ล่าความฝันแบบอเมริกันชนที่ชีวิตไม่ได้ง่ายเลยกว่าจะมาถึงจุดนี้

 

ถ้าหากมองกันดีๆ เส้นทางความสำเร็จของ Michelle Yeoh ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธอต้องฝ่าฟัน ตั้งใจทำงาน เจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจมาตลอดชีวิตจากการทำงาน รวมถึงยังเป็นนักแสดงต่างชาติที่ต้องผ่านบททดสอบมากมายจากวงการและสังคมอเมริกันมาตั้งเท่าไร

 

แต่ในวันนี้มันเป็นวันของเธอแล้ว วันที่ Michelle Yeoh  ได้รับรางวัลออสการ์ตัวแรกในชีวิต หลังจากใช้ทุกอย่างที่เธอมีพิสูจน์ความสามารถของตัวเองมาตลอดชีวิต และต้องยอมรับว่านี่คือจุดสูงสุดในชีวิตของเธอในวัย 60 ปีอย่างสมศักดิ์ศรี

 

และผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แค่พูดภาษาอังกฤษ แต่เธอยังสามารถมอบการแสดงอันทรงพลัง ที่ทำให้คนทั้งโลกต้องยอมรับได้จริงๆ 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising