×

Cracked: เอะอะแพ้ เอะอะจาม! ไขความลับโรคภูมิแพ้ รักษาไม่ได้จริงหรือไม่?

20.07.2022
  • LOADING...
โรคภูมิแพ้

จากสถิติของสมาคมโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยาแห่งประเทศไทยเมื่อปี 2559 พบว่า คนไทยเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้น 3-4 เท่าเมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา โดยพบในเด็กสูงถึง 38 เปอร์เซ็นต์ และพบในผู้ใหญ่ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ นั่นอนุมานได้ว่ามนุษย์ที่เดินผ่านคุณทุก 10 คน ต้องมีคนเป็นโรคภูมิแพ้ 2-4 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนไม่น้อย และอาจกลายเป็นเสียงข้างมากในอนาคตโดยไม่รู้ตัว ในเมื่อภูมิแพ้เป็นเรื่องใกล้ตัวขนาดนี้ ทำไมคนส่วนใหญ่จึงมักมองข้ามและรู้จักมันน้อยเกินควร

 

THE STANDARD POP แวะไปพูดคุยกับ พญ.จุฬามณี วงศ์ธีระญาณี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา สถาบันโรคภูมิแพ้สมิติเวช (Samitivej Allergy Institute: SAI) เกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ พร้อมกับประเด็นเด็ดที่ว่า ภูมิแพ้รักษาไม่ได้จริงหรือไม่?

 

🙋รู้จัก ‘ภูมิแพ้’ โรคอะไร และมาจากไหน😷

 

โรคภูมิแพ้คือโรคที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอาการไวผิดปกติต่อสิ่งซึ่งสามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ สามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัย มิใช่โรคติดต่อ และถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ โดยผู้ป่วยมักแสดงอาการให้เห็นเมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งอาจเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจ การรับประทานอาหาร การสัมผัสทางผิวหนัง ตา หู จมูก การฉีด หรือถูกแมลงกัดต่อย

 

อาการภูมิแพ้สามารถเกิดได้จาก 2 สาเหตุใหญ่ๆ คือ โรคภูมิแพ้ที่เกิดจากพันธุกรรม และโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลง มีการศึกษาออกมาว่า ในกรณีของโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากพันธุกรรม หากพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นภูมิแพ้ ลูกจะมีโอกาสเป็นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ถ้าพ่อกับแม่เป็นทั้งคู่ ลูกจะมีโอกาสเป็นสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ในกรณีที่พ่อและแม่ไม่มีประวัติภูมิแพ้เลย ลูกสามารถเป็นโรคนี้ได้ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยอาจมาจากบรรพบุรุษหรือสิ่งแวดล้อม

 

ตัวการที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้มีอยู่รอบตัวเราเต็มไปหมด ซึ่งจะแพ้อะไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายเราไวต่อสิ่งไหน สารก่อภูมิแพ้ที่พบทั่วๆ ไป เช่น ตัวไรฝุ่นบ้าน แมลงสาบ เชื้อรา อาหารบางประเภท ยาแก้อักเสบ ยาปฏิชีวนะ ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย แมลงต่างๆ เกสรดอกไม้ ขนสัตว์เลี้ยง ฯลฯ

 

🙋ประเภทของภูมิแพ้ 😷

 

ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ แบ่งตามลักษณะอาการดังนี้ 1. ภูมิแพ้หอบหืด มักมีอาการไอ หายใจเสียงวีด ไม่สะดวก 2. ภูมิแพ้อากาศ หรือโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ มักมีอาการจาม คัดจมูกต่อเนื่อง 3. ภูมิแพ้ผิวหนัง มีเม็ดผดผื่นเกิดขึ้นตามตัว มีอาการคัน และผิวแห้ง 4. ภูมิแพ้อาหาร แพ้อาหารหรือวัตถุที่กินเข้าไป เช่น แป้ง อาหารทะเล ถั่ว ฯลฯ 5. อื่นๆ เช่น แพ้ยา

 

🙋 โรคภูมิแพ้ที่พบเจอบ่อยที่สุดในปัจจุบัน 😷

 

ต้องยกให้ภูมิแพ้อากาศ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 30 ของคนทั้งโลก โรคนี้มักส่งผลกระทบต่อการนอน การทำงาน และบุคลิกภาพ ถ้าเด็กเป็นหนักๆ ตอนกลางคืนอาจถึงขั้นนอนไม่หลับ หายใจลำบาก คัดจมูก ซึ่งสาเหตุของการแพ้อาจเกิดได้จากการแพ้ไรฝุ่น หญ้าบางชนิด หรือแพ้แมลงสาบบางสายพันธุ์

 

🙋จะรู้ได้อย่างไรว่าเราแพ้สิ่งนั้นจริงๆ 😷

 

เรื่องแพ้ไม่แพ้อะไรนั้น คุณหมอแนะนำให้เริ่มต้นจากการสังเกตตัวเองก่อน ดูว่าเรามีอาการแพ้สิ่งเหล่านั้นไหม กินไปแล้วคันคอหรือเปล่า มีผื่นขึ้นตามตัวไหม คัดจมูก จาม หรือหายใจไม่ออกหรือเปล่า ไม่ได้หมายความว่าให้คุณตั้งหน้าตั้งตาลองไปเสียทุกสิ่ง แค่ดำเนินชีวิตไปตามปกติ สังเกตตัวเองจากการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ควรจะเดินเข้าไปในโรงพยาบาลเพื่อตรวจทั้งที่ยังไม่มีอาการใดๆ บางคนแพ้นิดเดียว แต่วิตกกังวลมากเสียจนทำให้การดำเนินชีวิตลำบาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

 

🙋หัวใจสำคัญของการรักษาโรคภูมิแพ้คืออะไร😷

 

สำหรับหมออยู่ที่การวินิจฉัย ยิ่งแพทย์วินิจฉัยสาเหตุการแพ้ได้ตรงจุดมากเท่าไรก็ยิ่งรักษาง่ายและดีต่อคนไข้มากขึ้นเท่านั้น บางคนเป็นภูมิแพ้อากาศ แต่มีอาการหอบหืดร่วมด้วย บางคนแพ้อาหาร แพ้สารเคมี แพ้ยาด้วยก็มี เวลาคนไข้เข้ารับการรักษา แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากการซักถามก่อน จากนั้นจึงทำ Skin Test หรือการทดสอบผ่านผิวหนัง ควบคู่กับการตรวจเลือด ซึ่งผลการทดสอบแต่ละอย่างจะเหมาะกับอาการแพ้ที่ต่างกัน โดยทั้งหมดต้องอยู่ในดุลพินิจและการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

 

🙋 นอกจากกินยาแก้แพ้แล้ว มีวิธีการรักษาอย่างอื่นหรือเปล่า😷

 

การกินยาแก้แพ้เป็นวิธีรักษาและประคับประคองอาการเบื้องต้น วิธีการดีที่สุดสำหรับการรักษาโรคภูมิแพ้คือ สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายต่อสู้กับสิ่งนั้นได้ นั่นก็โยงกลับไปที่คำถามที่ว่า คุณแพ้อะไรบ้าง คนที่แพ้อากาศ แพ้ฝุ่นละออง แพ้เกสรดอกไม้ หรือขนสัตว์ ในรายที่แพ้หนักมากๆ เขาจะไม่สามารถออกไปไหนได้เลย เพราะกระทบต่อการดำเนินชีวิตขนานหนัก แพทย์อาจแนะนำให้ฉีค ‘วัคซีนโรคภูมิแพ้’ ซึ่งเป็นการรักษาอย่างต่อเนื่องนาน 3-5 ปี โดย 6 เดือนแรกเป็นช่วงสร้างภูมิ ต้องฉีดทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1-2 เข็มแล้วแต่อาการ หลังจากผ่านช่วง 6 เดือนแรกไปแล้ว จึงค่อยฉีดกระตุ้นทุกเดือน เดือนละ 1 เข็ม ต่อเนื่องยาว 3-5 ปี

 

ในรายที่แพ้อาหารบางชนิด อย่างเคสที่แพ้แป้ง บางคนบริโภคได้ไม่ถึงครึ่งช้อนชาก็เกิดอาการแพ้รุนแรง ซึ่งเคสแบบนี้แพทย์จะต้องวินิจฉัยก่อนว่าคนไข้แพ้สารอาหารหรือส่วนประกอบใดบ้าง รุนแรงขนาดไหน แล้วค่อยๆ สร้างภูมิโดยให้ร่างกายคุ้นชิน โดยเริ่มจากปริมาณที่น้อย ควบคู่กับการให้ยา ซึ่งมีหลายรายมากที่ตอนเข้ามารักษากินแป้งได้ปริมาณเท่าเหรียญบาท แต่ปัจจุบันสามารถกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นซองได้โดยไม่เป็นอะไร

 

🙋แสดงว่าภูมิแพ้ก็สามารถหายขาดได้?😷

 

คุณหมอตอบว่า การรักษาภูมิแพ้ไม่สามารถเรียกว่าหายขาดได้เสียทีเดียว เพราะเมื่อใดก็ตามที่ร่างกายอ่อนแอ หรือเจอสิ่งเร้ามากๆ อาการแพ้ก็จะกลับมาอีก แต่เราสามารถปรับภูมิคุ้มกันเพื่อสู้กับอาการแพ้ หรือลดความรุนแรงของการแพ้ที่เอื้อต่อการดำรงชีพได้ เหมือนตัวอย่างที่หมอกล่าวไว้เมื่อคำถามที่แล้ว ซึ่งบางคนสามารถปรับภูมิให้แข็งแกร่งโดยกดอาการแพ้ไว้จนแทบไม่แสดงอาการใดๆ เสมือนหายขาด ซึ่งหมอว่าดีมาก และดีใจมากที่คนไข้ชนะมันได้

 

🙋 เคล็ดลับในการดูแลตัวเองสำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ 😷

 

อย่างแรกเลยคือ คุณต้องรู้สิ่งที่แพ้ และปริมาณการแพ้ของตัวเอง เพื่อที่จะได้ประเมินสถานการณ์รอบข้างและวิธีดูแลตนเองได้อย่างครบถ้วน และเมื่อรู้แล้วก็อย่าเอาตัวเองไปอยู่กับสิ่งที่แพ้ อย่าคิดว่าแพ้อะไรให้อยู่กับสิ่งนั้นมากๆ แล้วจะหาย นั่นเป็นการดูแลตัวเองที่ผิด ในกรณีที่หายก็โชคดีไป ร่างกายคุณอาจจะปรับภูมิเองได้ แต่ในกรณีที่ไม่หายก็อาจอันตรายถึงแก่ชีวิต อาการแพ้ไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่ใช่เรื่องตลกหรือสำออย ซึ่งคนไทยส่วนมากยังเข้าใจโรคนี้ได้ไม่ดีนัก อันนี้ต้องขอฝากไว้ด้วย

 

ภาพ: Shutterstock

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising