×

ประสบการณ์จริงจาก 5 แบรนด์ SMEs ผู้เข้าร่วม ‘คอร์ส LEAD’ จาก เซ็นทรัลพัฒนา หลักสูตรที่ ‘เรียนจริง ทำจริง โตจริง’ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
28.02.2023
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 MIN READ
  • แม้ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ในปัจจุบันล้วนมี Potential แต่อาจขาดโอกาสและประสบการณ์ หลายรายประสบความสำเร็จบนออนไลน์ แต่ไม่มีหน้าร้านแบบ Physical Store 
  • ด้วยเหตุนี้เซ็นทรัลพัฒนาจึงอยากช่วยพัฒนาและดึงศักยภาพผู้ประกอบการให้มีความกล้าคิด กล้าทำสิ่งใหม่ๆ ก้าวออกจาก Comfort Zone และช่วยต่อยอดความสำเร็จให้เติบโตอย่างยั่งยืนใน Ecosystem ของเซ็นทรัลพัฒนา
  • กลายเป็นที่มาของ ‘คอร์ส LEAD’ (Leading Entrepreneur Advanced Development) ที่เป็นหลักสูตรรีเทลที่พัฒนาให้ผู้ประกอบการเติบโต แตกต่าง และประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน 
  • คอร์ส LEAD เกิดขึ้นทั้งหมด 4 รุ่น โดยมีตัวเลขที่สะท้อนความสำเร็จ ได้แก่ เครือข่ายแบรนด์รุ่นใหม่กว่า 150 แบรนด์ กว่า 70% ประสบความสำเร็จ มูลค่าการเติบโตธุรกิจมากกว่า 1,800 ล้านบาท มีการขยายหน้าร้านกว่า 600 ร้านค้า และคิดเป็นพื้นที่มากกว่า 30,000 ตารางเมตร ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ

สำหรับผู้ประกอบการ SMEs แล้ว หนึ่งในปัจจัยสำคัญในการขยับขยายธุรกิจให้เติบโตได้คือ การเข้าถึง ‘โอกาส’ ที่สามารถเรียนรู้ในสนามจริง เพื่อลองผิด ลองถูก ก่อนจะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่

 

ซึ่งสำหรับ ‘เซ็นทรัลพัฒนา’ กลยุทธ์สำคัญที่ถูกวางไว้คือ Opportunities With Purpose ผ่านการสร้าง ‘โอกาส’ พัฒนาคน พัฒนาเมือง พัฒนาประเทศ และยกระดับวงการรีเทลของไทย 

 

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ฉายภาพว่า ศักยภาพของผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ในปัจจุบันล้วนมี Potential แต่อาจขาดโอกาสและประสบการณ์ หลายรายประสบความสำเร็จบนออนไลน์ แต่ไม่มีหน้าร้านแบบ Physical Store 

 

แม้อยากขยายตลาดบนออฟไลน์ แต่ไม่มี Know-How ด้วยเหตุนี้เซ็นทรัลพัฒนาจึงอยากช่วยพัฒนาและดึงศักยภาพผู้ประกอบการให้มีความกล้าคิด กล้าทำสิ่งใหม่ๆ ก้าวออกจาก Comfort Zone และช่วยต่อยอดความสำเร็จให้เติบโตอย่างยั่งยืนใน Ecosystem ของเซ็นทรัลพัฒนา

 

“เราให้ความสำคัญกับคู่ค้า จึงได้มีการทำ End-to-End Solution ในเชิง Business to Business กับร้านค้าต่างๆ เพื่อตอบโจทย์และสนับสนุนคู่ค้าในทุกๆ ด้านของธุรกิจ และเป็นที่มาของการจัดตั้งหน่วยงาน B2B Marketing เพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานด้านการตลาดของธุรกิจในเชิงลึกยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่การสร้างยอดขาย แต่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน” 

 

 

‘เรียนจริง ทำจริง โตจริง’ ผ่านการเรียนรู้จากผู้รู้จริงในวงการรีเทล

ความตั้งใจของเซ็นทรัลพัฒนาได้ถูกถ่ายทอดผ่าน ‘คอร์ส LEAD’ (Leading Entrepreneur Advanced Development) คือหลักสูตรรีเทลที่พัฒนาให้ผู้ประกอบการเติบโต แตกต่าง และประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน 

 

โดยเน้นให้ผู้เรียนได้สร้างประสบการณ์แบบ ‘เรียนจริง ทำจริง โตจริง’ ผ่านการเรียนรู้จากผู้รู้จริงในวงการรีเทลอย่างเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 40 ปี ที่ได้พัฒนา และบริหารโครงการในรูปแบบ Retail-Led Mixed-Use ที่มีทั้งศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรม โดยธุรกิจศูนย์การค้ามี Market Share ใหญ่ที่สุดในประเทศ (พื้นที่ NLA 2.3 ล้านตารางเมตร) ด้วยศูนย์การค้ารวม 38 สาขา โดยธุรกิจภายใต้การบริหารของเซ็นทรัลพัฒนามีความหลากหลาย สามารถต่อยอดธุรกิจได้หลากหลายมิติ อีกทั้งมี Business Ecosystem ที่แข็งแกร่งด้วยธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล และพาร์ตเนอร์จากหลากหลายธุรกิจ 

 

“คอร์ส LEAD ไม่ใช่แค่คอร์สการเรียนรู้ แต่เป็นหนึ่งใน Business Strategy ที่สำคัญของเราในการสร้าง Platform ที่นำพาผู้ประกอบการใหม่ๆ เข้าสู่ Business Ecosystem ที่แข็งแกร่งของเรา โดยช่วยพัฒนาและต่อยอดธุรกิจให้ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ให้มั่นคงและยั่งยืนผ่าน Total Business Solutions ที่หลากหลาย”

 

คอร์ส LEAD เกิดขึ้นทั้งหมด 4 รุ่น โดยมีตัวเลขที่สะท้อนความสำเร็จ ได้แก่ 

 

  • เครือข่ายแบรนด์รุ่นใหม่กว่า 150 แบรนด์ 
  • กว่า 70% ประสบความสำเร็จ 
  • มูลค่าการเติบโตธุรกิจมากกว่า 1,800 ล้านบาท 
  • มีการขยายหน้าร้านกว่า 600 ร้านค้า 
  • คิดเป็นพื้นที่มากกว่า 30,000 ตารางเมตร ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ

 

“เราคัดเลือกผู้ที่เข้าร่วมคอร์สจากธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต เข้ามาเรียนรู้อย่างเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจ ไม่ใช่เข้ามาเรียนให้จบไป แต่เราต้องการทำให้เกิดการนำไปใช้จริง”

 

4 จุดแข็งที่แตกต่างและตอบโจทย์ SMEs

สำหรับคอร์ส LEAD สิ่งที่สร้างความแตกต่างและโจทย์ SMEs ในปัจจุบันเกิดจาก 4 จุดแข็ง ได้แก่

 

1. Platform ที่สร้าง Business Opportunities และเป็น Business Incubator ที่นำพา SMEs เข้าสู่ Ecosystem ที่แข็งแกร่งของเซ็นทรัลกรุ๊ป เพื่อ Lead to Success เติบโตได้จริง

 

โดยเซ็นทรัลพัฒนามองว่า ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ต้องมีทั้ง Passion, ความพร้อม และโอกาส แบรนด์ที่เข้ามาร่วมในคอร์สมีการคัดเลือกมาแล้วว่ามี Potential พร้อมที่จะต่อยอดความสำเร็จ ซึ่งเมื่อมี Passion มีความพร้อมแล้ว เซ็นทรัลพัฒนามีหน้าที่สร้างโอกาสให้กับผู้เรียน 

 

2. เรียนจริงกับตัวจริง – ทำจริงในพื้นที่จริง – โตจริงไปกับเบอร์หนึ่งธุรกิจรีเทล

ผู้ที่เข้าร่วมจะได้ทั้ง Business Networking และได้ทดลองทำ Collaboration กับแบรนด์อื่นๆ ที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้วว่ามีศักยภาพ ได้เรียนรู้ทั้ง Knowledge & Know-How ในหัวข้อต่างๆ ที่ตอบโจทย์การทำธุรกิจในยุคนี้ 

 

 

ตลอดจนได้ลงมือทดลองปฏิบัติจริง ขายจริงผ่าน Sandbox Workshop ที่เรียกว่า ‘LEAD Pop-Up Market’ ในพื้นที่ศูนย์การค้าในโลเคชันที่ดีที่สุด มีการ Draw Quality Shopper อย่างต่อเนื่อง ด้วยการทำการตลาดดึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ ตลอดจน Retail Platform ที่ครบทุกโมเดล ทั้ง Online, Offline และ On-ground ซึ่งในปีนี้ได้ไปทดลองที่เซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัล พระราม 2

 

3. ได้ทดลองทำ Brand Co-Creation 

ผู้เรียนจะต้อง Breakthrough Concept ตัวเอง เพื่อให้เกิดไอเดียใหม่ สินค้าใหม่ๆ และได้ฝึกการ Co-Creation กับเพื่อนร่วมคลาสแบบข้าม Category ระหว่าง Food, Fashion และ Specialty นำความแตกต่างของแต่ละแบรนด์มาพัฒนาสินค้าหรือบริการใหม่ๆ ซึ่งโมเดลนี้ช่วย Transform ผู้ประกอบการให้เกิด Innovation ใหม่ๆ  และสามารถสร้าง New Product และ New Brand นำไปต่อยอดกับธุรกิจได้จริง 

 

โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทดลองตลาดใหม่ สินค้าใหม่ บนสนามจริง ได้เจอลูกค้าตัวจริง ได้รู้ Consumer Insight จากปากลูกค้า แบบที่ทำแต่บนออนไลน์อาจจะไม่เคยรู้ บางแบรนด์ถึงกับบอกว่า “เข้าใจว่าลูกค้าของตัวเองคือกลุ่มวัยรุ่นเท่านั้น แต่พอได้มาลง Pop-Up Market ถึงได้รู้ว่ากลุ่มผู้ใหญ่และวัยกลางคนก็ซื้อสินค้าของเขาเหมือนกัน” หรือบางแบรนด์ที่เคยโฟกัสแต่ออนไลน์ พอมีหน้าร้านให้ลูกค้าได้เห็น ได้ลองสินค้าจริง ทำให้เพิ่มยอดขายได้มากขึ้น แบรนด์จึงอยากโฟกัส Physical Store มากขึ้น

 

4. ประสบการณ์จากคอร์สนี้นำไปใช้ช่วย Scale Up ธุรกิจได้จริง 

พอได้เรียนจริง ทำจริง จึงเกิด Passion นำความรู้และประสบการณ์ไปต่อยอดธุรกิจของตัวเอง หลายแบรนด์จากเดิมที่ขายแค่ใน Online มองไม่เห็นภาพการขายบนออฟไลน์แบบมีหน้าร้าน แต่พอมาเรียนกับ LEAD ทำให้เห็นโอกาสเติบโตในหลายรูปแบบ ทั้งการทำ New Branding, New Product, New Target Group และการขยายหน้าร้านในหลาย Format ทั้ง Flagship Store, Pop-Up, Kiosk เป็นต้น

 

“ปกติธุรกิจ SMEs จะเป็นเหมือนม้าแข่งที่วิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว แต่การเข้าร่วมกับคอร์ส LEAD จะทำให้ได้เรียนรู้จากเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะการ Co-Creation ที่ได้มุมมองใหม่ๆ จากแบรนด์ที่ได้ทำงานร่วมกัน” ผศ.ปิติพีร์ รวมเมฆ CEO & Founder บริษัท เอมบิชั่น คอร์ป จำกัด ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ธุรกิจ นวัตกรรมและการตลาด กล่าวเสริม “คอร์ส LEAD เหมือนฟาสต์แทร็กสำหรับธุรกิจ SMEs ในการได้พื้นที่ทดลองจริง ก่อนไปต่อยอดเพื่อทำให้ธุรกิจเติบโตในอนาคต”

 

 

ยืนยันจากผู้ประสบความสำเร็จตัวจริง

เพื่อยืนยันว่าคอร์ส LEAD ได้สร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจ SMEs เราจึงได้คุยกับตัวแทนจาก 5 แบรนด์ที่ได้รับรางวัลด้านต่างๆ จากหลักสูตร LEAD โดยเซ็นทรัลพัฒนา 

 

1. New Concept Store for Business Growth – ‘ซาลาเปาโกอ้วน’ ขยายสู่แบรนด์ใหม่ ‘โรงชาชงดี’

 

สุรีย์พร พูนศักดิ์ไพศาล Managing Director บริษัท โกอ้วน ซาลาเปา แอนด์ ที จำกัด และ บริษัท ชงดีพูนผล จำกัด เล่าว่า จุดเริ่มต้นของธุรกิจมาจาก ‘ซาลาเปาโกอ้วน’ ซึ่งเป็นร้านซาลาเปาที่อยู่คู่หาดใหญ่มายาวนานกว่า 40 ปี โดยสร้างชื่อจาก ‘ซาลาเปาทอด’ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ แป้งกรอบนอกนุ่มในไม่เหมือนใคร

 

หลังจากนั้นจึงได้เริ่มขยายธุรกิจเข้ามาในกรุงเทพฯ พัฒนา ลองผิดลองถูก ปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจให้เข้ากับแต่ละตลาด จนเริ่มขยายสาขาได้เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันมีสาขารวมทั้งสิ้น 22 สาขาในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง

 

 

ส่วนที่มาของ ‘โรงชาชงดี’ เกิดจากเมนูเครื่องดื่ม ‘ชาใต้’ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่โดดเด่นและขายดีไม่แพ้กัน ทำให้เห็นโอกาสในจุดนี้ และอยากจะต่อยอดทำเมนูเครื่องดื่มอื่นๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งมีเครื่องดื่มดั้งเดิมท้องถิ่นอีกหลายเมนูที่อยากนำมาให้ลูกค้าได้ชิม

 

“คอร์ส LEAD เข้ามามีส่วนช่วยให้เราเดินทางไปสู่ Business Goal ที่เราตั้งไว้ เป็นคอร์สที่ให้เราได้ทดลองทำจริง เพื่อนำไปปรับใช้ ปรับแก้กับธุรกิจปัจจุบัน และเป็นโอกาสในการสร้างธุรกิจต่อยอด” สุรีย์พรกล่าว “นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสในการทำ Collab กับแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมคลาสออกมาเป็นเมนูใหม่ๆ เพิ่มยอดขาย เพิ่มสีสันให้กับแบรนด์ ตลอดจนมุมมองธุรกิจใหม่ๆ”

 

สำหรับในปี 2566 สุรีย์พรกล่าวว่า จะสร้างแบรนด์ ‘โรงชาชงดี’ ให้เป็นที่รู้จัก และลองผิดลองถูกกับโมเดลร้านต่างๆ โดยจะเปิดทั้งสิ้น 5 สาขาด้วยกัน ซึ่งแม้ธุรกิจจะมีการแข่งขันที่สูง แต่โรงชาชงดีจะสร้างความแตกต่างจากการเป็นชาใต้ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

 

2. Omni Sustainability for business & Community – แบรนด์ Tempered

 

Tempered เป็นแบรนด์ช็อกโกแลตสัญชาติไทยที่ผลิตจากโกโก้ที่ปลูกในประเทศ 100% ซึ่ง ชนิกานต์ ตันบุญเพิ่ม Exclusive Chef and Co-Founder, Tempered Cooperatives เล่าว่า ได้นำผลผลิตจากจันทบุรีและเชียงใหม่มาเริ่มต้นผลิต

 

“ด้วยความที่ช็อกโกแลตไม่ได้อยู่ในพฤติกรรมที่คนไทยจะกินเป็นประจำ ดังนั้นเราจึงนำไปอยู่ในทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และเครื่องดื่ม เพื่อทำให้ผู้บริโภคได้เลือกกินในช่วงเวลาที่พวกเขาต้องการ ซึ่งจะทำให้คนไทยเข้าถึงช็อกโกแลตได้อย่างแท้จริง”

 

 

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Tempered คือกระบวนการผลิตแบบ Zero Waste มีการใช้พลังงานทดแทนภายในอาคารการแยกประเภทขยะ ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ และสนับสนุนการเกษตรแบบยั่งยืน

 

“โครงการ LEAD 4 สอนให้คิดจริง ทำจริง จะเรียกว่าเจ็บจริงด้วยก็ได้ แต่ทุกอย่างคือประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้จากที่ไหน เราได้ลองคิด ได้ลอง Collab Brand กับ Brand อื่นๆ ในรุ่น และวางแผนกลยุทธ์การตลาดวิธีใหม่ๆ รวมถึงตัวผลิตภัณฑ์เพื่อให้ตอบโจทย์และเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น จะเห็นได้ชัดจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 20-30% ต่อเดือน จากประมาณ 500,000 เป็นประมาณ 600,000 ถึง 650,000 บาท” 

 

แผนในอนาคต Tempered ต้องการ Collab กับแบรนด์อื่นๆ พร้อมกับการขยายสาขาที่มากขึ้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงการพาช็อกโกแลตไทยไปยังต่างประเทศ

 

3. Omni Brand & Omni Channel for Business Growth – แบรนด์ Nineties Design

 

สำหรับ ‘แบรนด์ Nineties Design’ กัญญาณัฐ ปิยะชัยวุฒิ Managing Director & Co-Founder บริษัท อินสไปเรชั่น ดีไซน์ จำกัด เล่าว่าจุดเริ่มต้นได้แรงบันดาลใจมาจากแฟชั่นในยุค 90 

 

รวมถึงได้สังเกตแบรนด์อื่นๆ ในท้องตลาดแล้วพบว่า แทบไม่มีเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส มีความหลากหลายของสีผ้า รวมถึงดีไซน์น่ารักๆ จึงเกิดแนวคิดที่อยากเป็นแบรนด์คนไทยที่ผลิตเสื้อยืดมีคุณภาพสูงในระดับสากล ใช้ผ้าที่ดี ใส่ได้ง่าย และดึงเอาตัวตนที่น่ารักสดใสของผู้ใส่ออกมา

 

 

“ตั้งแต่ได้เข้ามาเรียน LEAD 4 ได้นำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในด้านการขยายธุรกิจ จาก 20 สาขาปัจจุบันเติบโตขึ้นเป็น 30 สาขา (ในระยะเวลา 5 เดือน) พร้อมกับเปิดแบรนด์ใหม่ โดยแบรนด์ NINE เน้นกลุ่มลูกค้าอายุ 25-40 ปี ที่ชอบเสื้อยืดมีคุณภาพสูง และใส่ได้ทุกโอกาส” 

 

โดยในปี 2566 มีแผนการขยายสาขา Nineties Design และแบรนด์ NINE ให้ครบ 50 สาขา และสร้างแบรนด์อื่นๆ ในเครืออีกประมาณ 3 แบรนด์ จากกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน เพื่อเก็บฐานลูกค้าให้ครบทุกช่วงวัย

 

4. Partnership & Collaboration for Business Growth – แบรนด์ Moreover

 

Moreover เป็นแบรนด์ของใช้ ของแต่งบ้านที่มีความ Creative และ Minimal เหมาะกับบ้านทุกสไตล์ นวัต ศักดิ์ศิริศิลป์ Founder & Design Director บริษัท เข้ากันดี จำกัด เล่าว่า ธุรกิจเริ่มต้นจากการจำหน่ายของตกแต่งบ้าน ที่มีเอกลักษณ์ในความมินิมัล โดยพัฒนาแบรนด์ต่อยอดให้มีสินค้าที่ตอบโจทย์หลากหลายในเรื่องความเชื่อ หรือกลิ่น

 

 

“หลังจากมาเรียน LEAD 4 ได้มีการพัฒนาระบบการจัดการสต๊อกและการขายที่ดีขึ้น ทำให้สามารถขยายช่องทางจำหน่ายได้มากและมีประสิทธิภาพขึ้น (ช่องทางจำหน่ายมากขึ้น 2 เท่าภายใน 3 เดือน)”

 

ในอนาคตนวัตตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตโดยการเน้นขยายสินค้าจากแบรนด์พันธมิตร หรือโปรเจกต์ที่ทำร่วมกับแบรนด์อื่นๆ มาขายภายในร้าน Overlaps by Moreover รวมถึงการรวบรวมฐานข้อมูลลูกค้าเพื่อทำระบบ CRM ด้วย 

 

5. Supply Chain Management & Scalable for Business Growth – แบรนด์ Amatas

 

พลาวุฒิ เจริญจิตมั่น Managing Director, Micron Group เล่าว่า Amatas เริ่มจากการ Collaboration Project ระหว่างบริษัท Micron Group บริษัทที่เกิดมาจากผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องครัวชั้นนำ และ Jacob Jensen Design บริษัทงานดีไซน์ระดับโลกจากเดนมาร์ก ที่ต้องการทำสินค้าเครื่องครัวที่มีทั้ง Amazing Function และ Tasteful Design 

 

นอกจากจะทำสินค้าในแบรนด์ของตัวเองแล้ว ทางบริษัทยังได้แตกไลน์ทำ ‘AMATAS Home’ ที่เป็นเหมือนร้านที่คัดสินค้าจากทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น กระทะ FIKA จาก เกาหลี ทำให้สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วในการเป็น Curated Multi-Brands Kitchenware Store 

 

 

“ในตอนแรกเรามองตัวเองแคบๆ ว่าทำแค่สินค้าในแบรนด์ตัวเองพอ แต่พอมาเรียน LEAD 4 จึงเกิด Growth Driver ในการเป็น Multi-Brands Kitchenware Store ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว”

 

พลาวุฒิวางแผนที่จะนำความรู้ด้านรีเทลมาต่อยอดเป็นร้านเครื่องครัวที่รวบรวมสินค้าที่มี Amazing Function และ Tasteful Design สำหรับการใช้ชีวิตที่ทันสมัย ซึ่งได้ตั้งเป้ารายได้ 500 ล้านบาทในปี 2568

 

8 คำแนะนำถึงผู้ประกอบการ SMEs ในยุคนี้  

ท้ายนี้ ดร.ณัฐกิตติ์ ได้ฝาก 8 คำแนะนำถึงผู้ประกอบการ SMEs ในยุคนี้  ได้แก่ 

 

  • Target Opportunities: ทำธุรกิจจากการมี Target Group เป็นที่ตั้ง
  • Product Valuation: เข้าใจ Value ของ Product ตัวเอง และทำ Segment ให้ชัดเจนว่าสินค้าเรา Match กับกลุ่มไหนได้บ้าง 
  • Add Value: สร้าง Reason to Buy เพิ่มมูลค่าสินค้า อัปราคาได้อย่างสมเหตุสมผล
  • Business Ecosystem: ต้องพาตัวเองหรือแบรนด์เข้ามาอยู่ใน Environment ที่จะกระตุ้นการเติบโตได้ และคำนึงถึงการเติบโตอย่างยั่งยืน  
  • Open-minded: การทำธุรกิจคนเดียวไม่สามารถสำเร็จได้เท่ากับการมี Partners และการทำ Co-Creation ร่วมกับแบรนด์อื่น ทำให้เกิด New Product, New Development and New Opportunities 
  • Adaptation: แบรนด์ Online ต้องเปิดโลก Physical Stores / คนที่มีหน้าร้านก็ต้องขยาย Platform ไปออนไลน์ 
  • Profit and Loss / Cost Management / Stock Management: เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรู้
  • ทำ Branding: สร้าง Engagement กับลูกค้า

 

สำหรับผู้ที่สนใจคอร์ส LEAD โปรดเตรียมตัวให้พร้อม แล้วกดสมัครเข้าร่วม LEAD รุ่นที่ 5 ได้เลยที่ shoppingcenter.centralpattana.co.th/lead/

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X