×

CPAXT – พรีวิว 3Q66 คาดกำไรปรับตัวดีขึ้น YoY

26.10.2023
  • LOADING...
CPAXT

เกิดอะไรขึ้น:

 

InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 3Q66 ของ บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลประกอบการวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566

 

โดยประเมินกำไรสุทธิ 3Q66 ของ CPAXT ได้ที่ 1.74 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9%YoY และ 15%QoQ หากไม่รวมขาดทุนพิเศษ 20 ล้านบาท จากขาดทุนจากการขายร้านค้าในจีนของ CPAXT กำไรปกติ 3Q66 จะอยู่ที่ 1.76 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%YoY และ 4%QoQ หลักๆ เกิดจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำเสร็จสิ้น 

 

ใน 3Q66 คาดว่ายอดขายค้าปลีกจะเติบโต 4%YoY ในธุรกิจ B2B และ 1%YoY ในธุรกิจ B2C โดยเกิดจากการขยายสาขาและยอดขายสาขา (SSS) ที่เติบโต 2.5%YoY ในธุรกิจ B2B และ 1%YoY ในธุรกิจ B2C ภาวะที่ราคาสินค้าอาหารปรับตัวลดลงน่าจะส่งผลกระทบต่อ SSS ในกลุ่มสินค้าอาหารสด (ประมาณ 40% ของยอดขาย) ในธุรกิจ B2B ราว 1.0-1.5%YoY และการลดเวลาเปิดทำการลง 6 ชั่วโมงต่อวันในช่วงกลางคืนสำหรับสาขารูปแบบขนาดเล็ก เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน (เริ่มเดือนเมษายน) มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อ SSS ในธุรกิจ B2C ราว 1%YoY 

 

ด้านรายได้ค่าเช่ามีแนวโน้มที่จะเติบโต 6.5%YoY จากพื้นที่ให้เช่าสุทธิที่เพิ่มขึ้นและอัตราการเช่าพื้นที่ที่ดีขึ้นเล็กน้อยที่ 92.5% ใน 3Q66 (เทียบกับ 91% ใน 3Q65) ยอดขายที่ดีขึ้นจะถูกลดทอนลงบางส่วนโดยอัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนแอลงในธุรกิจ B2C จากการจัดโปรโมชันราคามากขึ้นในธุรกิจค้าปลีกและอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A / ยอดขายที่สูงขึ้นในธุรกิจ B2B จากการลงทุนในแพลตฟอร์ม O2O มากขึ้น ดอกเบี้ยจ่ายมีแนวโน้มลดลงสู่ 1.3 พันล้านบาท ลดลง 26%YoY และ 3%QoQ หลังจากรีไฟแนนซ์หนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำเสร็จในช่วงปลายเดือนเมษายน

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น CPAXT ปรับลง 10.61%MoM อยู่ที่ระดับ 29.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 7.01%MoM อยู่ที่ระดับ 1,401.70 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2566

 

InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2566-2567 ลดลง 8% หลักๆ เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัวช้าในธุรกิจ B2C และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A / ยอดขายระดับสูงในธุรกิจ B2B อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไร 4Q66 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ โดยจะเพิ่มขึ้น YoY หลักๆ เกิดจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้เสร็จ ยอดขายที่ดีขึ้น และต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ลดลง 15%YoY (หนุนให้กำไรเฉลี่ยต่อปีเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีก 10%YoY) และเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และไม่มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานจากร้านค้าในจีนที่ 40-45 ล้านบาทต่อไตรมาสเกิดขึ้นอีกหลังจากขายร้านค้าดังกล่าวเสร็จใน 3Q66

 

ด้านข่าวจาก Mergermarket เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2566 ระบุว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ (C.P. Group) กำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการประมูลซื้อหุ้น 20% ใน Bach Hoa Xanh Technology and Investment JSC (BHX) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการร้านค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคในเวียดนาม โดยมีสินทรัพย์รวมประมาณ 1.5-2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดเกิดความกังวลว่า CPAXT (ภายใต้ C.P. Group) จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการครั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2566 CPAXT ได้ออกมาปฏิเสธว่าบริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมนี้ และยังคงมุ่งมั่นบริหารธุรกิจหลักของบริษัทต่อไป ทำให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

ทั้งนี้ การประกาศของ CPAXT ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อธุรกิจค้าปลีกในเวียดนาม และนโยบาย Digital Wallet ที่มีความคืบหน้าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น โดย InnovestX Research ยังคงเรตติ้ง Outperform สำหรับ CPAXT ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7% และการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ปรับใหม่เป็น 38 บาทต่อหุ้น (จาก 42 บาท) หลังจากปรับประมาณการกำไรปี 2566-2567 ลดลงเพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัวช้าในธุรกิจ B2C และค่าใช้จ่าย SG&A สูงในธุรกิจ B2B YTD

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายของรัฐบาลใหม่

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising