วานนี้ (11 เมษายน) ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ และองค์กรด้านสาธารณสุขในอิสราเอลเผยผลการศึกษาล่าสุดพบว่า โควิด-19 กลายพันธ์ุจากแอฟริกาใต้ (B.1.351) อาจลดประสิทธิภาพการต้านทานโรคของวัคซีนต้านโควิด-19 จาก Pfizer-BioNTech ได้ โดยการศึกษาดังกล่าวยังไม่มีการตรวจสอบและทำ Peer-reviewed แต่อย่างใด
โดยทีมวิจัยสำรวจและเก็บข้อมูลผู้ป่วยโควิด-19 เกือบ 400 รายที่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 1 โดส เปรียบเทียบกับผู้ป่วยโควิด-19 ในจำนวนเท่ากัน ที่ติดเชื้อและยังไม่ได้รับวัคซีน พบความชุกของผู้ป่วยโควิด-19 กลายพันธ์ุจากแอฟริกาใต้ในกลุ่มผู้ป่วยที่เข้ารับการฉีดวัคซีนครบแล้วทั้ง 2 โดส มากกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเลยถึง 8 เท่า โดยเชื้อกลายพันธ์ุนี้สามารถสร้างช่องโหว่ให้กับเกราะป้องกันของวัคซีนจาก Pfizer ได้มากกว่าเชื้อสายพันธ์ุดั้งเดิม
อิสราเอลถือเป็นประเทศที่มีสัดส่วนพลเมืองเข้ารับวัคซีนต้านโควิด-19 มากที่สุดในโลก 56.9% ของพลเมืองเข้ารับวัคซีนต้านโควิด-19 ครบแล้วทั้ง 2 โดส โดยเริ่มต้นฉีดวัคซีนตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020 ที่ผ่านมา อนุมัติการใช้งานวัคซีนต้านโควิด-19 จากผู้ผลิตเพียง 2 รายเท่านั้นคือ Pfizer-BioNTech (ประสิทธิภาพ 91.3%) และ Moderna (ประสิทธิภาพ 94.5%) ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลายพันธ์ุที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศทั่วโลก
บทความที่เกี่ยวข้อง:
ภาพ: Photo Illustration by Marcos del Mazo / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง:
