เป็นที่รู้กันว่าการระบาดของโควิดทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทยเปลี่ยนไปในทุกแง่มุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อวิตามิน-สินค้าบำรุง ในปัจจุบันไม่ใช่เพื่อ ‘รักษา’ แต่ต้อง ‘ป้องกัน’ ก่อนที่โรคจะเกิดขึ้น
“การซื้อสินค้าสุขภาพในวันนี้คือการป้องกัน ไม่ใช่ป่วยแล้วถึงมาซื้อกิน แต่ต้องบำรุงให้แข็งแรงด้วย” อรพรรณ พงศ์พานิช Head of Customer Experience บู๊ทส์ รีเทล ประเทศไทย กล่าว “ตอนนี้สินค้าในกลุ่มสุขภาพหากเป็นความงามและดูแลตัวเองไปด้วยจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิดผลสำรวจพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ความงามใน 3 ทวีปทั่วโลก
- ส่องเทรนด์ความงามที่คาดว่าจะมาแรงในปี 2023
- ชิ้นที่ 2 ราคา 1 บาท ได้ผล! ‘Watsons’ เล็งจัดถี่ขึ้น พร้อมดันลูกค้าขึ้นระดับอีลิท เพราะจ่ายมากกว่าลูกค้าทั่วไป 4.9 เท่า
สิ่งที่น่าสนใจคือ อรพรรณมองว่า เทรนด์การดูแลรักษาภาพลักษณ์มาแน่ๆ นอกจากการซื้อวิตามินที่ต้องบำรุงสุขภาพแล้ว เทรนด์สกินแคร์ใหม่ๆ ก็ให้ความสนใจเรื่องฟื้นฟูและบำรุงไปพร้อมนัก นอกจากนี้คนไทยยังหันมาโฟกัสส่วนผสม เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ได้ดียิ่งขึ้น
สิ่งที่อรพรรณมองเห็นสอดคล้องไปกับผลสำรวจที่พบว่า นักช้อปไทยชอบการซื้อสินค้าที่จัดโปรโมชัน และยังตัดสินใจซื้อสินค้าง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ พบว่าการสร้างประสบการณ์ที่ดีเป็นอีกปัจจัยสำคัญสำหรับนักช้อปไทย โดย 75% ของนักช้อปจะยอมจ่ายเงินมากขึ้น ถ้าแบรนด์หรือร้านค้านั้นสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพวกเขาได้
ซึ่งผลสำรวจเทรนด์ความงามระดับโลกปี 2566 เผยว่าความงามและสุขภาพที่ดีในทุกช่วงอายุเป็นการช่วยยกระดับฟื้นฟูจิตใจให้ดีขึ้นหลังจากวิกฤตโควิด และยังพบว่าคนไทยมากกว่า 65% มีความใส่ใจกับการดูแลภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ
ปัจจัยดังกล่าวทำให้บู๊ทส์นำมาปรับใช้กับธุรกิจของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำร้านค้าแบบใหม่ แบ่งเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่ เน้นสินค้าสุขภาพ เน้นสินค้าความงาม และผสมผสานระหว่างสินค้าสุขภาพและความงาม นอกจากนี้ยังคัดสรรสินค้าจากอินไซต์ลูกค้าให้มีสินค้าสุขภาพและความงามตรงใจลูกค้าแต่ละพื้นที่
มีการนำเสนอนวัตกรรมสินค้าคุณภาพภายใต้แบรนด์บู๊ทส์ในราคาจับต้องได้ และสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟนำเข้าจากอังกฤษ โดยมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เกือบทุกเดือน
รวมถึงการนำอินไซต์ของนักช้อปไทยมาทำเป็นโปรโมชัน ‘บู๊ทส์ มิกซ์แอนด์แมทช์’ (Boots Mix & Match) เลือกคละสินค้าสุขภาพและความงามที่ใช่แบบ 1 แถม 1 คละได้ โดยมีสินค้าเข้ารวม 1,200 รายการ
แคมเปญดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ปี 2564 ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก จึงจัดเป็นโปรโมชันต่อเนื่องไตรมาสละ 1 ครั้ง โดยโปรฯ นี้ช่วยกระตุ้นยอดขายของร้านบู๊ทส์ให้เติบโตทุกช่องทางถึง 2 เท่า
การจัดโปรฯ บ่อยครั้งทำให้เกิดความท้าทายว่า ผู้บริโภคจะรอซื้อสินค้าเฉพาะโปรโมชันหรือไม่? แต่เรื่องนี้อรพรรณย้ำว่า สร้างผลกระทบไม่มากนัก เพราะบู๊ทส์จะเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการออกโปรโมชัน
“ลูกค้าตามหาสินค้าโปรโมชันอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงต้องมีแคมเปญเพื่อตอบสนองต่อความต้องการ ส่วนหนึ่งจะเป็นการตอกย้ำว่า เรามีความคุ้มค่าและให้ประสบการณ์ที่แตกต่างซึ่งจะเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากคู่แข่ง”
ทั้งนี้ปี 2565 ตลาดรีเทลมีมูลค่ากว่า 121,896 ล้านบาท เติบโต 10% โดยสินค้ากลุ่มสุขภาพและสกินแคร์ ยอดขายโตแรงสะท้อนศักยภาพในการเติบโตของตลาดรีเทลสุขภาพและความงามในไทยว่ามีทิศทางที่ดีในปี 2566 โดย EIC มีการคาดการณ์ว่าตลาดรีเทลจะมีการเติบโต 9% และ 13% ในหมวดธุรกิจค้าปลีกสุขภาพ