วานนี้ (14 มีนาคม) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ คดี อท.ที่ 114/2562 ระหว่าง พล.ต.ท. สมคิด บุญถนอม ยื่นฟ้อง พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.อ. สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน และ พ.ต.ท. เบญจพล จันทวรรณ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ทั้งหมดตำแหน่งขณะนั้น รวม 3 คน เป็นจำเลยในความผิดต่อหน้าที่ฯ
คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อปี 2552 พ.ต.อ. ทวี อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กับพวกรวม 3 คน ปฏิบัติหน้าที่เป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษที่ 4/2547 ได้ร่วมกันสอบสวนดำเนินคดี พล.ต.ท. สมคิด กับพวก รวม 5 คน เป็นผู้ต้องหา กล่าวหาว่า ร่วมกันฆ่า โมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย โดยสอบสวน พ.ต.ท. สุวิชชัย หรือ อัคควุธ แก้วผลึก เป็นพยาน พร้อมอ้างแหวนทองวัตถุพยาน ของกลาง เป็นพยานหลักฐานใหม่ เพื่อสอบสวนรื้อฟื้นดำเนินคดี พล.ต.ท. สมคิด กับพวก ทั้งที่ไม่มีพยานหลักฐานที่จะรับฟังได้ว่า ผู้ต้องหากับพวกร่วมกันกระทำความผิด อีกทั้งในการสอบสวนพยาน ทั้งที่เป็นจำเลยหลบหนีหมายจับตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลอุทธรณ์ (จังหวัดมีนบุรี) ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตในคดีร่วมกันฆ่า ฉัตรดำรงพรรณ ไชยเฉลิมภัค เชื้อพระวงศ์ลาว โดยมีพฤติการณ์ส่อว่าจูงใจ ต่อรองเพื่อให้พยานกลับคำให้การจากเดิมเป็นพยานบอกเล่าไม่เห็นเหตุการณ์ เปลี่ยนเป็นกลับคำให้การว่าเห็นเหตุการณ์ ขณะที่ผู้ต้องหากับพวกกระทำผิด พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้อง พล.ต.ท. สมคิด กับพวกเป็นจำเลย คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.119/2553 ข้อหาร่วมกันฆ่าโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี
ต่อมาศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง และศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ 7615/2561 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2562 ยกฟ้อง พล.ต.ท. สมคิด กับพวก รวม 5 คน
พล.ต.ท. สมคิด จึงนำคดีมาฟ้อง พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง กับพวก รวม 3 คน ในข้อหาร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานและพนักงานสอบสวนปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อจะแกล้งให้ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องรับโทษในคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ อท.ที่ 114/2562
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้มีคำสั่งประทับฟ้องความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไว้ 1 ข้อหา และยกฟ้องข้อหาเป็น พนักงานสอบสวน เจ้าพนักงานที่มีอำนาจสืบสวน กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา โจทก์ยื่นอุทธรณ์
นัดฟังคำสั่งครั้งนี้ พ.ต.อ. ทวี, พ.ต.อ. สุชาติ และ พ.ต.ท. เบญจพล จำเลยทั้ง 3 คน เดินทางมาศาลโดยจำเลยทั้ง 3 คนอยู่ระหว่างการปล่อยชั่วคราวในข้อหาที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำสั่งประทับฟ้องในคดีร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พ.ต.อ. ทวี จำเลยที่ 1 กับพวก เป็นพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษคดีอุ้มฆ่า โมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย สอบสวนดำเนินคดีผู้ต้องหาโดยนำ พ.ต.ท. สุวิชชัย หรือ อัคควุธ แก้วผลึก มาสอบสวนเป็นพยาน มีพฤติการณ์จูงใจ ต่อรองเพื่อให้กลับคำให้การ และนำพยานไปยื่นคำร้องขออนุญาตศาลสืบพยานก่อนฟ้อง ทั้งที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมาย เป็นการเอาเปรียบผู้ต้องหาไม่ให้มีโอกาสต่อสู้คดี ทำให้ได้รับความเสียหาย และกล่าวหาดำเนินคดีทั้งที่ไม่มีพยานหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหากับพวกน่าจะได้กระทำผิดตามข้อหานั้น จึงมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้อง พ.ต.อ. ทวี กับพวก รวม 3 คน รวม 4 กระทงความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงาน ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นพนักงานสอบสวน เจ้าพนักงานที่มีอำนาจสืบสวน กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, มาตรา 157 และมาตรา 200 วรรคสอง ไว้พิจารณาต่อไป นัดสอบคำให้การจำเลยทั้ง 3 เพิ่มเติม และกำหนดนัดสืบพยานในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 เวลา 09.00 น.