ราคาอาหารจานเดียวในย่านใจกลางธุรกิจอย่างสีลม-สุรวงศ์-สาทร กลายเป็นดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพของคนกรุงเทพฯ ที่น่าจับตา จากการสำรวจอย่างต่อเนื่องตลอด 13 ปี
โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย และ บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) เก็บข้อมูลผ่านการสำรวจแล้วพบว่า ราคาอาหารเฉลี่ยต่อจานพุ่งจาก 31 บาทในปี 2555 มาอยู่ที่ 64 บาทในเดือนมิถุนายน 2568 หรือเพิ่มขึ้นถึง 106.5%
การสำรวจนี้มุ่งเน้นเฉพาะในพื้นที่สีลม-สุรวงศ์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ของประเทศไทย ที่มีพนักงานออฟฟิศหนาแน่น โดยมีสมมติฐานว่าราคาอาหารในย่านนี้เปรียบเสมือน ‘ราคามาตรฐาน’ ของเมืองกรุง ซึ่งน่าจะสูงกว่าพื้นที่อื่นทั่วไป ยกเว้นย่านท่องเที่ยว การสำรวจในพื้นที่นี้จึงเป็นภาพสะท้อนที่สำคัญของค่าครองชีพในกรุงเทพฯ
เมื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์เทียบในแต่ละยุคของรัฐบาลตามรายงานของศูนย์ฯ พบว่าในยุคนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ราคาอาหารมีอัตราเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5.2% ขณะที่ในยุคนายกฯ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอด 9 ปีหลังรัฐประหาร ราคาอาหารกลับดีดตัวสูงขึ้นในอัตราเฉลี่ยปีละ 6.6% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่ายุคก่อนหน้าอย่างชัดเจน
ส่วนในยุครัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ราคาอาหารเพิ่มขึ้น 3.3% และในรอบ 1 ปีล่าสุดของยุคนายกฯ แพทองธาร เพิ่มขึ้น 2.0% ซึ่งทาง ดร.โสภณ ให้ข้อสังเกตว่า อัตราการเพิ่มที่ชะลอตัวลงนี้อาจเป็นภาพสะท้อนของภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างฝืดเคือง ทำให้ผู้ค้าไม่สามารถปรับราคาขึ้นได้มากนัก เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคมีจำกัด
จากการลงพื้นที่สำรวจและสัมภาษณ์ผู้ค้า พบว่าหลายร้านไม่กล้าขึ้นราคาอาหารแม้ต้นทุนวัตถุดิบจะสูงขึ้นเพราะกลัวไม่มีลูกค้า จะสังเกตได้ว่าร้านที่ยังคงยืนราคาเดิมจะมีคนต่อคิวอุดหนุนยาวเป็นพิเศษ ซึ่งสะท้อนถึงสภาพคล่องในกระเป๋าของคนทำงานได้อย่างดี
ปัจจัยสำคัญที่ผู้ค้าหลายรายชี้ว่าเป็นตัวแปรหลักที่ส่งผลต่อราคาอาหารมากกว่าต้นทุนวัตถุดิบคือ ‘ค่าเช่าแผง’ ที่สูงลิ่ว บางแห่งมีค่าเช่าพื้นที่ขนาดเล็กเพียง 18 ตารางเมตรสูงถึง 60,000 บาทต่อเดือน ทำให้ผู้ค้าต้องแบกรับต้นทุนมหาศาลและส่งผลโดยตรงต่อราคาขายในที่สุด
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด เราจึงได้เห็นร้านค้าประเภท ‘อาหารกล่อง’ สำหรับซื้อกลับบ้านเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนค่าเช่าพื้นที่นั่งทาน ขณะเดียวกันก็มีร้านค้าจำนวนไม่น้อยที่ต้องปิดตัวลง โดยเฉพาะช่วงหลังการระบาดของโควิดซึ่งเป็นภาพสะท้อนของความเปราะบางทางเศรษฐกิจ
สำหรับแนวโน้มราคาอาหารในปี 2568-2569 ทางศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยคาดการณ์ว่าน่าจะยังค่อนข้างทรงตัว หรืออาจเพิ่มขึ้นไม่เกิน 2% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงซบเซา หากผู้ค้าขึ้นราคาสินค้าอีก ก็อาจยิ่งทำให้ขายได้ยากลำบากขึ้น