การคลายล็อกรอบ 1 กันยายน 2564 นี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่ ศบค. พูดถึง ‘การระบายอากาศ’ อย่างจริงจัง ทั้งการระบุไว้ในมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (COVID-FREE Setting) โดยด้านสิ่งแวดล้อมจะต้องมีระบบระบายอากาศ และทั้งการจำกัดจำนวนผู้นั่งในร้านอาหารตามลักษณะการระบายอากาศระหว่างห้องปรับอากาศ (นั่งได้ 50%) และพื้นที่เปิดที่อากาศสามารถระบายถ่ายเทได้ดี (นั่งได้ 75%)
ทำไมการระบายอากาศถึงสำคัญ? และองค์กรหรือผู้ประกอบการจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้มีการระบายอากาศได้ดี? เพราะถึงแม้จะเป็นห้องปรับอากาศหรือเป็นร้านอาหารภายในห้างสรรพสินค้า หากมีมาตรการระบายอากาศเพิ่มเติมก็จะทำให้พนักงานหรือผู้มาใช้บริการมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และถ้าหากมีผู้ติดเชื้อมาในพื้นที่ก็จะลดความเสี่ยงในการระบาดแบบ Superspreading Event ได้
โควิดแพร่กระจายผ่านทางอากาศ
มาตรการ DMH (TTA) หรือการเว้นระยะหว่าง (D-Distancing) การสวมหน้ากากอนามัย/ผ้า (M-Mask) และการล้างมือ (H-Hand Washing) ที่กระทรวงสาธารณสุขหรือ ศบค. เน้นย้ำประชาชนทุกครั้งในการแถลงข่าวเป็นมาตรการสุขอนามัยส่วนบุคคลในการป้องกันโควิด มาจากพื้นฐานความรู้เรื่องการแพร่กระจายเชื้อว่าโควิดสามารถติดต่อผ่าน 2 ช่องทางหลักคือ
- ละอองขนาดใหญ่ (Droplets) คือการหายใจเอาละอองสารคัดหลั่งขนาดใหญ่เข้าไปหรือโดนไอจามรด ซึ่งละอองขนาดใหญ่นี้จะตกสู่พื้นในระยะ 1-2 เมตร
- การสัมผัสทางอ้อม (Indirect Contact) คือการนำมือไปสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนละอองขนาดใหญ่ข้างต้นแล้วสัมผัสบริเวณเยื่อบุตา/จมูก/ปาก
ต่างประเทศที่มีคำคล้องจองในการสื่อสารวิธีการป้องกันโควิดคืออังกฤษ ใช้คำ 4 คำคือ ‘Hands, face, space and fresh air’ ซึ่งเดิมมีแค่ 3 คำแรก ได้แก่ การล้างมือ (Hands) การสวมหน้ากาก (Face) และการเว้นระยะห่าง (Space) แต่ต่อมาช่วงต้นปีนี้ได้เพิ่ม ‘อากาศธรรมชาติ’ (Fresh Air) ขึ้นมา เพราะความเสี่ยงในการแพร่เชื้อจะลดลงเมื่ออยู่ในสถานที่นอกอาคาร ซึ่งอากาศถ่ายเทสะดวก
หากอธิบายให้ละเอียดขึ้น นอกจาก 2 ช่องทางติดต่อข้างต้นแล้ว โควิดยังสามารถแพร่กระจายทางอากาศ (Airborne) ได้ผ่านละอองขนาดเล็ก (Aerosols) คือละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอน สามารถลอยอยู่ในอากาศได้ไกลกว่า 2 เมตร และนานหลายชั่วโมง ดังนั้นถึงแม้จะเว้นระยะห่าง 2 เมตรแล้วก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ (แน่นอนว่าความเสี่ยงลดลงตามระยะห่างและระยะเวลาที่สัมผัส)
เดิมนักระบาดวิทยาเชื่อว่าว่าโควิดแพร่กระจายทางอากาศเฉพาะ ‘ในโรงพยาบาล’ ที่มีการทำหัตถการที่สร้างละอองขนาดเล็ก (Aerosol-Generating Procedure) เช่น การพ่นยา การใส่ท่อช่วยหายใจ บุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องจึงต้องสวมหน้ากากชนิด N95
แต่ในภายหลังมีหลักฐานยืนยันว่าโควิดสามารถแพร่กระจายได้ไกลกว่า 2 เมตร แม้จะเป็นกิจกรรม ‘นอกโรงพยาบาล’ ก็ตาม เช่น การรับประทานอาหารในร้านอาหาร การร้องประสานเสียง การออกกำลังกาย เพราะกิจกรรมเหล่านี้ต่างก็สามารถสร้างละอองขนาดเล็กขึ้นมาได้เช่นกัน แต่มีข้อสังเกตว่ากิจกรรมเหล่านี้ต้องอยู่ในพื้นที่ปิดด้วย เช่น ห้องปรับอากาศ โบสถ์ ฟิตเนส นอกจากนี้การหายใจปกติ การไอจามก็สามารถปล่อยละอองขนาดเล็กออกมาได้ ดังนั้นความเสี่ยงในพื้นที่ปิดจึงไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ใกล้กับผู้ติดเชื้อ
การป้องกันอย่างแรกคือการสวมหน้ากาก หากผู้ติดเชื้อสวมหน้ากาก โอกาสที่จะปล่อยละอองขนาดเล็กออกมาก็น้อยลง หากคนปกติสวมหน้ากาก โอกาสที่จะสูดหายใจเอาละอองนั้นเข้าไปก็น้อยลงไปอีก แต่ที่น่ากังวลคือกิจกรรมที่ต้องถอดหน้ากาก เช่น การรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม การทดลองสินค้า การออกกำลังกายระดับปานกลาง-หนัก จึงควรมีการระบายอากาศเข้ามาลดความเสี่ยง
จะลดความเสี่ยงในการรับเชื้อทางอากาศอย่างไร?
เมื่อละอองขนาดเล็กสามารถลอยอยู่ในอากาศได้ไกลกว่า 2 เมตรและนานหลายชั่วโมง การลดความเสี่ยงคือการลดความเข้มข้นของละอองเหล่านี้ลง อาจนึกภาพเป็นห้องที่ตั้งเตาหมูกระทะไว้ตรงกลาง ควันจากการปิ้งหมูคลุ้งทั่วห้อง อย่างแรกที่ทำได้เลยคือการเปิดหน้าต่างระบายให้ควันออกไป หรือถ้าเปิดหน้าต่าง 2 ด้านก็จะทำให้อากาศภายนอกเข้ามามากขึ้น
ต่อมาคือยกพัดลมมาเปิดตรงหน้าต่างช่วยดูดควันออกไปได้เร็วขึ้น แต่ถ้าเปรียบเทียบควันเป็นละอองที่มีไวรัสอยู่จะต้องควบคุมทิศทางของลมไม่ให้หมุนวนอยู่ภายในห้อง หรือไม่ให้พัดเข้าหาคนที่ไม่ได้รับควันตั้งแต่แรก อย่างสุดท้ายเปิดเครื่องกรองอากาศที่เคยซื้อมาตอนมลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ช่วยอีกแรง แต่ถ้าจะยุ่งยากขนาดนี้ก็อาจยกเตาหมูกระทะออกไปตั้งนอกบ้านให้สิ้นเรื่อง (ฮา)
ทั้งหมดนี้เป็นภาพเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายว่าถ้าจะลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายทางอากาศ สำหรับประชาชนมีทางเลือกคือ
1. หลีกเลี่ยงสถานที่ปิด
2. ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรสวมหน้ากาก 2 ชั้น คือสวมหน้ากากอนามัยแล้วทับด้วยหน้ากากผ้า เพราะวิธีนี้จะเพิ่มประสิทธิผลในการป้องกันละอองขนาดเล็กได้ 80-100%
3. ลดระยะเวลาที่ใช้ ซึ่งถ้าน้อยกว่า 15 นาทีก็จะถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ
สำหรับองค์กรหรือผู้ประกอบการจะต้องเพิ่มการระบายอากาศ ดังนี้
- เปิดหน้าต่างหรือประตู เพื่อให้อากาศภายนอกไหลเวียนเข้ามาภายในห้อง อาจใช้วิธีการเปิดหน้าต่างบ่อยๆ เช่น การเปิดหน้าต่าง-สลับกับการเปิดเครื่องปรับอากาศ
- ติดตั้งพัดลม เพื่อเพิ่มประสิทธิผลของการเปิดหน้าต่าง เช่น การวางพัดลมไว้ใกล้กับหน้าต่างที่เปิดแล้วพัดออกนอกห้อง การติดตั้งพัดลมระบายอากาศที่หน้าต่าง/ผนัง รวมถึงตรวจสอบและซ่อมบำรุงพัดลมระบายอากาศ (Exhaust Fan) ที่ติดตั้งไว้อยู่เดิมด้วย
- ใช้เครื่องกรองอากาศชนิดพกพาที่ใช้ไส้กรอง HEPA ซึ่งโดยมาตรฐานสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้มากกว่า 99% โดยวางเครื่องกรองให้อยู่ในบริเวณเดียวกับผู้ใช้งาน ทั้งนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่าไม่สามารถใช้ทดแทนการระบายอากาศได้ เพราะเครื่องจะกรองอากาศที่ปนเปื้อนภายในห้องเท่านั้น
- อาจติดตั้งเครื่องฉายรังสียูวีเพื่อทำลายเชื้อโรค (UVGI) เพื่อช่วยกำจัดเชื้อโรคในกรณีที่การเพิ่มการระบายอากาศและการกรองอากาศทำได้จำกัด
- ในอาคารที่ใช้ระบบปรับอากาศแบบ HVAC หรือแอร์ท่อ เช่น ห้างสรรพสินค้า ควรเปิดระบบโดยใช้อากาศภายนอกสูงสุดเป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมงก่อน-หลังเปิดทำการ
ยิ่งระบายอากาศได้มากเท่าไร ยิ่งลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายเชื้อได้มากเท่านั้น ทั้งนี้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (CDC) ไม่ได้กำหนดเป้าหมายในการระบายอากาศไว้ ส่วนในวารสารวิชาการต่างประเทศมีผู้เสนอว่า ควรระบายอากาศได้ 4-6 ACH (4-6 เท่าของปริมาตรห้องต่อชั่วโมง) ในขณะที่ประเทศไทย กรมอนามัยแนะนำอัตราการระบายอากาศ 2 เกณฑ์ กล่าวคือ
- ตามจำนวนคน อย่างน้อย 10 ลิตรต่อวินาทีต่อคน*
- หรือตามขนาดพื้นที่ อย่างน้อย 10 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมงต่อตารางเมตร
*เกณฑ์ข้อแรกตรงกับคำแนะนำของ WHO สำหรับสถานที่ที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย ซึ่งถ้าเทียบเคียงกับสถานพยาบาล WHO แนะนำ 60 ลิตรต่อวินาทีต่อคน หรือ 6 ACH ในพื้นที่ทั่วไปและ 160 ลิตรต่อวินาทีต่อคน หรือ 12 ACH ในพื้นที่ที่มีการทำหัตถการสร้างละอองขนาดเล็ก ดังนั้นถ้าจะปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เป็นมาตรฐานข้างต้น องค์กรหรือผู้ประกอบการควรปรึกษาวิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
โดยสรุปการระบายอากาศมีความสำคัญ เพราะโควิดสามารถแพร่กระจายผ่านละอองขนาดเล็ก ซึ่งสามารถลอยอยู่ในอากาศได้ไกลกว่า 2 เมตรและนานหลายชั่วโมง ความเสี่ยงในพื้นที่ปิดจึงไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ใกล้กับผู้ติดเชื้อ องค์กรหรือผู้ประกอบการสามารถเพิ่มการระบายอากาศได้หลายวิธี เช่น การเปิดหน้าต่าง การติดตั้งพัดลมดูดอากาศ การติดตั้งเครื่องกรองอากาศ ถึงแม้ ศบค. จะอนุญาตให้จัดกิจกรรมรวมคนหรือให้นั่งรับประทานที่ร้านได้แล้ว แต่หากปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ลดความเสี่ยงลงก็จะเพิ่มความมั่นใจให้กับพนักงานและผู้ที่มาใช้บริการมากยิ่งขึ้น
อ้างอิง:
- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และสมาคมส่งเสริมคุณภาพอากาศในอาคาร. คำแนะนำการระบายอากาศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) https://covid19.anamai.moph.go.th/web-upload/2xdccaaf3d7f6ae30ba6ae1459eaf3dd66/m_document/6736/35234/file_download/73e5e3a500c252afc224d0b6085c59dd.pdf
- ผศ.ดร.ตุลย์ มณีวัฒนา. Update- Indoor Air Quality & Control of COVID-19 https://tmn.co.th/data/documents/Update-IAQ-Covid-Control-R1.pdf
- ศูนย์ฉีดวัคซีนควรต้องระวังเรื่อง การระบายอากาศอย่างไรบ้าง? https://youtu.be/rsDdIaq4pig
- Scientific Brief: SARS-CoV-2 Transmission https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/science/science-briefs/sars-cov-2-transmission.html
- Airborne transmission of respiratory viruses https://science.sciencemag.org/content/373/6558/eabd9149
- New campaign to prevent spread of coronavirus indoors this winter https://www.gov.uk/government/news/new-campaign-to-prevent-spread-of-coronavirus-indoors-this-winter
- UK government “Hands, face, space and fresh air” by Freuds https://www.campaignlive.co.uk/article/uk-government-hands-face-space-fresh-air-freuds/1711455
- Improve How Your Mask Protects You https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/your-health/effective-masks.html
- Maximizing Fit for Cloth and Medical Procedure Masks to Improve Performance and Reduce SARS-CoV-2 Transmission and Exposure, 2021https://www.cdc.gov/mmwr/volumes/70/wr/mm7007e1.htm
- Ventilation in Buildings https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/community/ventilation.html
- Improving Ventilation in Your Home https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/prevent-getting-sick/Improving-Ventilation-Home.html
- Roadmap to improve and ensure good indoor ventilation in the context of COVID-19 https://www.who.int/publications/i/item/9789240021280
- Upper-Room Ultraviolet Germicidal Irradiation (UVGI) https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/community/ventilation/uvgi.html
- Indoor Air Changes and Potential Implications for SARS-CoV-2 Transmission https://jamanetwork.com/journals/jama/fullarticle/2779062