มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเผยสถานการณ์ผู้บริโภค ปี 2561 จากการให้คำปรึกษาและร้องเรียนกว่า 4,545 เรื่อง พบเรื่องของผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมีปัญหาโฆษณาเกินจริงขึ้นแท่นถูกร้องเรียนสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 รองมาเป็นด้านบริการขนส่งสาธารณะ พูดจาไม่สุภาพ-ขับรถหวาดเสียว ถูกร้องเรียนมากสุด และเรื่องบริการสุขภาพ-สาธารณสุข ถูกร้องเรียนเป็นอันดับที่ 3
เมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคออกมาเปิดเผยสถานการณ์ผู้บริโภค ประจำปี 2561 จากการที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายผู้บริโภค 7 ภาค ได้ให้คำปรึกษาและรับเรื่องร้องเรียนจำนวน 4,545 เรื่อง ซึ่งสามารถแยกเป็น 3 หมวดหลัก ดังนี้
อันดับที่ 1 คือเรื่องอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยมีผู้ร้องเรียน 1,505 ราย คิดเป็นร้อยละ 33.11 ของจำนวนผู้ร้องเรียนทั้งหมด โดยหากแยกย่อยลงรายละเอียดของปัญหาจะพบว่า ปัญหาอันดับ 1 ของหมวดอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ (1,505 ราย) คือเรื่องโฆษณาอันเป็นเท็จหรือหลอกลวง ที่มีผู้ร้องเรียนเข้ามาถึง 372 ราย
โดยมักเป็นโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่อาจก่อให้เกิดอันตราย และอาหารเสริมที่เผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก รวมถึงสื่อหลักโดยเฉพาะช่องเคเบิลและวิทยุท้องถิ่น โดยใช้ข้อความโฆษณาที่ชวนเชื่อ เกินจริง ทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีบางกรณีที่ใช้ผลิตภัณฑ์แล้วพบว่าทำให้เกิดอันตราย เช่น ครีมทาผิวขาว ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก เป็นต้น
อันดับที่ 2 คือบริการสาธารณะ มีผู้ร้องเรียน 930 ราย คิดเป็นร้อยละ 20.46 โดยมักถูกร้องเรียนเรื่องการชดเชยเยียวยาอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะและพฤติกรรมของพนักงานที่ไม่เหมาะสม เช่น พูดจาไม่สุภาพ สูบบุหรี่ขณะขับรถ ขับรถหวาดเสียว คุยโทรศัพท์ขณะขับรถโดยไม่ใช้สมอลล์ทอล์ก เป็นต้น
ซึ่งประเภทของรถที่ได้รับการร้องเรียนค่อนข้างมากมี 4 ประเภทคือ รถตู้โดยสาร 313 ราย รถทัวร์โดยสาร 217 ราย รถรับส่งนักเรียน 130 ราย และรถเมล์หรือรถโดยสารระหว่างจังหวัด 117 ราย ตามลำดับ
อันดับที่ 3 คือบริการสุขภาพและสาธารณสุข มีผู้ร้องเรียน 705 ราย คิดเป็นร้อยละ 15.51 ปัญหาส่วนใหญ่จากหมวดนี้จะเป็นการปรึกษาเรื่องการย้ายและการสอบถามสิทธิประโยชน์ต่างๆ 600 ราย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังไม่รู้สิทธิ์ต่างๆ ของตัวเองเท่าที่ควร และกลุ่มผู้บริโภคที่ประสบปัญหาด้านบริการสุขภาพและสาธารณสุขคือผู้ใช้สิทธิ์บัตรทอง ที่นอกจากปัญหาการไม่รู้สิทธิ์แล้ว สิทธิ์บัตรทองยังเป็นกลุ่มที่มีการร้องเรียนในด้านต่างๆ เข้ามามากที่สุด เช่น ไม่ได้รับความสะดวกตามสมควร ไม่ได้รับการปฏิบัติตามสิทธิ์ ได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาล และถูกเรียกเก็บเงินจากการใช้สิทธิ์กองทุนฉุกเฉิน เป็นต้น ดังนั้นภาครัฐจึงควรเข้าไปให้คำแนะนำและให้ความรู้แก่ผู้บริโภคอย่างทั่วถึง รวมทั้งให้บริการแก่ทุกคนอย่างเท่าเทียม
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
