ยิ่งโลกร้อนเท่าไร กาแฟยิ่งอร่อยน้อยลงเท่านั้น
ก่อนหน้านี้มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่า 60% ของสายพันธุ์กาแฟที่เรารู้จักกำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงสูญพันธุ์ได้ในอนาคต เนื่องจากภาวะโลกร้อนส่งผลให้กาแฟป่าบางสายพันธุ์ที่มีอัตราการปรับตัวยืดหยุ่นน้อยเสี่ยงสูญพันธุ์ แม้ผู้เชี่ยวชาญจะบอกว่าสิ่งนี้ไม่กระทบต่อผู้บริโภคอย่างเราๆ แน่นอน เนื่องจากมีไม่กี่สายพันธุ์ที่เรานำมาปลูกเพื่อใช้เชิงพาณิชย์ แต่ในแง่องค์รวมถือเป็นข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี
แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด เมื่อเหล่านักวิจัยจาก Tufts University และ Montana State University ร่วมมือกันศึกษาต่อไปว่า ภาวะโลกร้อนส่งผลต่อรสชาติ กลิ่น และคุณภาพของกาแฟอย่างไร และผลที่ได้ก็ทำให้เรารู้สึกตกใจว่าไม่ใช่แค่กาแฟจะปลูกยากขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีรสชาติแย่ลงกว่าเก่าด้วย
โดยทีมนักวิจัยทำการหาแพตเทิร์นที่เชื่อมโยงกันใน 73 บทความเกี่ยวกับกาแฟ ซึ่งสรุปได้ว่า มีปัจจัย 2 ประการหลักๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพของกาแฟมากที่สุด คือระดับความสูงของสถานที่ปลูก ยิ่งสูงมากยิ่งหอมและมีรสชาติอร่อย และแสงแดดที่มากเกินไปทำให้คุณภาพลดลง ซึ่งทั้งสองปัจจัยนี้เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนที่ทำให้อุณหภูมิและปริมาณแสงแดดเปลี่ยนแปลงโดยตรง
ฌอน แคช (Sean Cash) นักเศรษฐศาสตร์และศาสตราจารย์ที่สถาบันวิทยาศาสตร์อาหารและนโยบาย Tufts’ Friedman อธิบายเศรษฐศาสตร์ของกาแฟหนึ่งแก้วว่า “กาแฟหนึ่งแก้วไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่ยังมีผลทั้งทางเศรษฐกิจด้วย นักดื่มกาแฟไม่เพียงสนใจในรสชาติและความกลมกล่อมเท่านั้น แต่ยังสนใจสถานที่ปลูก สายพันธุ์ รวมไปถึงความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้ปลูก ซึ่งถ้าเราเข้าใจหลักวิทยาศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลงนี้ เราอาจช่วยเหลือเกษตรกร และจัดการการผลิตกาแฟได้ดีขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาอันท้าทายในอนาคต”
การศึกษาในครั้งนี้ นักวิจัยไม่เพียงแต่ศึกษาถึงรายละเอียดเพื่อศึกษาความเปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่ทำเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะสามารถสร้างนวัตกรรมและรับมือกับรสชาติกาแฟที่เปลี่ยนไปในอนาคต
อ้างอิง: