สำหรับคอกาแฟจำนวนมาก การเริ่มต้นวันใหม่โดยไม่มีกาแฟสักแก้วดูจะเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ แต่คำถามที่ค้างคาใจใครหลายคนก็คือ กาแฟที่เราดื่มทุกวันนั้นตกลงแล้วดีต่อสุขภาพจริงหรือ?
ข่าวสารและงานวิจัยที่ขัดแย้งกันไปมาทำให้เราสับสน บ้างก็ว่าดีต่อใจ บ้างก็ว่าเพิ่มความเสี่ยงโรคร้าย ซึ่งความจริงแล้วคำตอบนั้นซับซ้อนกว่าที่คิด และไม่มีสูตรสำเร็จที่ใช้ได้กับทุกคน
ในด้านดี งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่ติดตามผู้หญิงเกือบ 50,000 คนเป็นเวลานานถึง 30 ปี พบว่าการดื่มกาแฟทุกวันอาจช่วยให้ผู้หญิงมีสุขภาพที่แข็งแรงยืนยาวขึ้นได้
นอกจากนี้ การดื่มกาแฟ 1-3 แก้วต่อวัน ยังมีความเชื่อมโยงกับสุขภาพหัวใจที่ดีขึ้นและอัตราการเสียชีวิตที่ลดลง ซึ่งถือเป็นข่าวดีที่ทำให้หลายคนจิบกาแฟได้อย่างสบายใจขึ้น
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งของงานวิจัยกลับชี้ให้เห็นถึงข้อควรระวัง โดยพบว่าการบริโภคกาแฟในปริมาณที่สูงเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมได้
และที่สำคัญคือ งานวิจัยในปี 2022 ยังค้นพบความเชื่อมโยงระหว่างการดื่มกาแฟจัดกับการเพิ่มความเสี่ยงเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว
เมื่อข้อมูลมีทั้งด้านบวกและลบ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ยึดหลัก ‘ทางสายกลาง’ โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้ให้คำแนะนำว่า ปริมาณคาเฟอีนที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่ทั่วไปไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับกาแฟประมาณ 2-3 แก้ว และต้องไม่ลืมว่าปริมาณนี้ต้องนับรวมคาเฟอีนจากแหล่งอื่นด้วย เช่น ชา น้ำอัดลม หรือช็อกโกแลต
กฎเหล็กที่สำคัญที่สุดคือการฟังเสียง ‘ร่างกาย’ ของตัวเอง เพราะแต่ละคนมีความสามารถในการจัดการกับคาเฟอีนไม่เท่ากัน บางคนดื่มเพียงแก้วเดียวก็อาจรู้สึกกระวนกระวายหรือใจสั่นแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หากคุณเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้ากว่าเดิมหลังจากดื่มกาแฟ หรือหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ นั่นคือสัญญาณที่ชัดเจนว่าคุณควรหยุดหรือลดปริมาณลงทันที
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มคนที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น สตรีมีครรภ์ควรพิจารณาลดปริมาณคาเฟอีนลงอย่างมาก ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือโรคหัวใจควรใส่ใจกับปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มกาแฟ ส่วนในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกาแนะนำว่าทางเลือกที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงคาเฟอีนโดยสิ้นเชิง
สำหรับคอกาแฟทั่วไป มี ‘เคล็ดลับ’ ง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณมีความสุขกับการดื่มโดยไม่เสียสุขภาพ คือการดื่มน้ำหรือทานอาหารก่อนดื่มกาแฟเสมอ เนื่องจากคาเฟอีนมีฤทธิ์กดความอยากอาหาร
และหากคุณพบว่าการดื่มกาแฟในช่วงบ่ายส่งผลกระทบต่อการนอนหลับ การปรับเปลี่ยนมาใช้กฎ ‘ดื่มเฉพาะช่วงเช้า’ ก็เป็นทางออกที่เรียบง่ายและได้ผลดีที่สุด
อ้างอิง: