×

ช็อกโกแลตสั่นสะเทือน! โลกเผชิญวิกฤตโกโก้ร้ายแรงที่สุดในรอบ 60 ปี จนราคาพุ่ง 3 เท่า และแพงกว่าทองแดงไปแล้ว

27.03.2024
  • LOADING...
โกโก้

โกโก้กำลังเผชิญกับวิกฤตขาดแคลน ส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาล่วงหน้าในตลาดนิวยอร์กในเดือนพฤษภาคมพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10,080 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หรือ 3.7 แสนบาทต่อตัน ก่อนจะปิดตลาดด้วยการปรับลดลงเล็กน้อย ในภาพรวมราคาโกโก้เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าในปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 129% ในปีนี้

 

ที่น่าตกใจคือ ‘ราคาโกโก้’ ตอนนี้ ‘แพงกว่าทองแดง’ ซึ่งเป็นโลหะอุตสาหกรรมที่มักถูกใช้เป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจ

 

รายงานระบุว่า โลกกำลังเผชิญกับการขาดแคลนโกโก้ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 60 ปี โดยองค์การโกโก้นานาชาติ (ICCO) คาดการณ์ว่าปริมาณการขาดแคลนจะอยู่ที่ 374,000 ตันในฤดูกาล 2023-22024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 405% จากปริมาณการขาดแคลน 74,000 ตันในฤดูกาลก่อนหน้า

 

ผลกระทบที่จะตามมานั้น Michele Buck ซีอีโอของ Hershey ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมช็อกโกแลต ระบุว่าบริษัทมีกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความผันผวนของราคา รวมถึงสมาคมขนมหวานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกามองว่าผู้ผลิตกำลังร่วมมือกับร้านค้าปลีกเพื่อจัดการต้นทุนไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภคมากเกินไป

 

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่าต้นทุนที่สูงขึ้นจะส่งต่อไปยังผู้บริโภค โดย Paul Joules นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Rabobank ชี้ว่าราคาโกโก้จะยังคงสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากเป็นปัญหาเชิงระบบที่ไม่มีทางแก้ไขง่ายๆ

 

ผู้บริโภคอาจเจอช็อกโกแลตที่มีราคาสูงขึ้น หรือมีขนาดเล็กลงในราคาเดิม หรือแม้กระทั่งการปรับส่วนผสมให้มีโกโก้ลดลง โดยช็อกโกแลตชนิดเข้มข้น (Dark Chocolate) จะได้รับผลกระทบมากที่สุด 

 

David Branch นักวิเคราะห์จาก Wells Fargo’s Agri-Food Institute คาดการณ์ว่าผู้บริโภคอาจเห็นราคาที่ปรับขึ้นในช่วงอีสเตอร์ที่จะถึงนี้

 

สาเหตุหลักของการพุ่งขึ้นครั้งนี้มาจากปัญหาการขาดแคลนเมล็ดโกโก้ในตลาดโลก ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากปัญหาสภาพอากาศเลวร้ายและโรคพืช ที่ส่งผลต่อผลผลิตโกโก้ในแอฟริกาตะวันตก แหล่งผลิตโกโก้หลักของโลก

 

ไอวอรี่โคสต์ และกานา สองชาติผู้ผลิตโกโก้รายใหญ่คิดเป็น 60% ของกำลังการผลิตทั่วโลกกำลังเผชิญกับการระบาด รวมถึงต้นโกโก้จำนวนมากที่หมดอายุการให้ผลผลิต ขณะที่เกษตรกรในไอวอรี่โคสต์เริ่มหันไปปลูกพืชชนิดอื่น เช่น ยางพารา ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

 

ผลกระทบหนักจะตกอยู่กับกานาที่อาจสูญเสียสิทธิ์เข้าถึงแหล่งเงินทุนสำคัญ เนื่องจาก Cocobod หน่วยงานกำกับดูแลอุตสาหกรรมโกโก้ของกานา พึ่งพาเงินทุนจากต่างประเทศในการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรผู้ปลูกโกโก้

 

แม้ราคาโกโก้จะปรับตัวสูงขึ้น แต่เกษตรกรไม่ได้ประโยชน์โดยตรง เนื่องจากรัฐบาลทั้งสองประเทศกำหนดราคาตายตัวไว้ก่อนเริ่มฤดูการผลิต

 

ถึงแม้กระแสการเก็งกำไรจะช่วยให้ราคาพุ่งสูงขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้นักวิเคราะห์ชี้ว่าราคาที่พุ่งสูงต่อเนื่องในปัจจุบันเกิดจากความตื่นตระหนกของผู้ซื้อเชิงพาณิชย์ที่ต้องการกักตุนโกโก้ไว้ล่วงหน้า

 

ด้านเฮดจ์ฟันด์ที่มีกลยุทธ์อิงตามเทรนด์ของตลาดกำลังทำกำไรมหาศาลจากการพุ่งขึ้นของราคาครั้งนี้ โดยกองทุน Diversified ของ Aspect Capital ในลอนดอน สร้างผลตอบแทน 18.2% แล้วในปีนี้ โดยโกโก้เป็นปัจจัยหลัก

 

ภาพ: Jan Sochor / Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising