×

เมื่อกรุงเทพฯ คือเมืองที่มีคนเหงามากกว่าเสาไฟฟ้า [Advertorial]

09.08.2019
  • LOADING...
CLOUD Thonglor-Phetchaburi

ถ้าคุณเคยชมภาพยนตร์เรื่อง หมานคร ของผู้กำกับ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง คุณจะต้องเคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘กรุงเทพฯ คือเมืองที่มีคนเหงามากกว่าเสาไฟฟ้า’ ที่นับวันไอ้ความเหงาที่ว่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้น เนื่องด้วยเทคโนโลยีที่เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว เราต่างสามารถติดต่อหากันได้อย่างง่ายดาย แต่เรากลับขาดสิ่งที่เรียกว่า ‘ปฏิสัมพันธ์’ แบบจริงๆ จังๆ กันไป 

 

ผลจาก ‘เมืองที่ไม่ยืดหยุ่น’ กรุงเทพฯ ได้กลายเป็นเมืองที่รถติดที่สุดในเอเชีย การจราจรที่แทบจะเป็นอัมพาตในถนนทุกสายในวันทำงาน อากาศข้างนอกที่ร้อนระอุ พื้นที่สีเขียวก็ร่อยหรอ ไม่มากพอที่จะทำให้เมืองนี้เย็นลงได้ ประกอบกับเทคโนโลยีที่เข้ามา การดูหนัง ดูซีรีส์ ช้อปปิ้งออนไลน์ สั่งอาหารผ่านแอปฯ ใช้ชีวิตทุกอย่างจบเพียงปลายนิ้วที่โทรศัพท์มือถือ หลายคนจึงตัดปัญหาด้วยการใช้ชีวิตอยู่แต่ในออฟฟิศและบ้านเป็นส่วนใหญ่ จนทำให้คนกรุงนั้นประสบกับ ‘โรคคนเมือง’

 

CLOUD Thonglor-Phetchaburi

 

ชีวิตหมดเปลืองเวลาไปบนท้องถนน

ลองคำนวณเวลาบนถนนของพวกคุณดูสิว่า ในหนึ่งๆ วัน คุณเสียเวลาในการเดินทางไปเท่าไร ออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้าหกโมง เพื่อไปทำงานให้ทันในตอนเก้าโมง หรือเลิกงานตั้งแต่สี่โมงเย็นแต่ถึงบ้านเกือบสามทุ่ม และยิ่งถ้าวันนั้นเป็นวันศุกร์สิ้นเดือนที่ฝนตกหนักจนน้ำท่วม คุณก็สามารถจินตนาการออกได้ทันทีว่า ความโกลาหลมันมากมายขนาดไหน อย่างเช่น ผลงานศึกษาจาก INRIX ผู้จัดอันดับระดับความหนาแน่นของปริมาณการจราจรบนท้องถนนทั่วโลก เคยยกให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่รถติดที่สุดในเอเชีย และเป็นอันดับ 11 ของโลกมาแล้วเมื่อปี 2017 โดยคุณรู้ไหมว่า เราหมดเปลืองเวลาบนท้องถนนไปปีละ 64 ชั่วโมง ติดกว่าเมืองอย่างจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย หรือกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา เสียอีก

 

เวลาที่หมดไปกับการอยู่บนถนนเหล่านี้ จึงมีส่วนทำให้คุณยังโสดอยู่อีกด้วย ไม่ใช่ว่าคุณไม่มีใครสนใจนะ แต่เวลาที่สูญเสียไปบนท้องถนนในทุกๆ วันทำงานก็หมดเปลืองเกินกว่าจะให้คุณไปเดตกับใครสักคนแล้ว เลิกคิดถึงการเดินจีบกันเหงื่อแตกซิกในสวนได้เลย แถมการเดตกันในร้านตามห้างสรรพสินค้ามันก็มีค่าใช้จ่ายที่จะต้องเสียอีก ไหนจะค่าจอดรถที่แพงลิบ 

 

CLOUD Thonglor-Phetchaburi

 

เศร้าและเหงา

คุณคิดว่าจริงไหมที่ในหนึ่งวันเราอาจใช้เวลาไปกับการไถหน้าจอโทรศัพท์มากกว่าที่จะเงยหน้าขึ้นมาเพื่อเริ่มบทสนทนา หรือมีปฏิสัมพันธ์กับใครสักคนด้วยซ้ำ จากงานสำรวจของ We Are Social และ Hootsuite ในเรื่อง Global Digital 2019 พบว่า คนไทยโดยเฉลี่ยใช้โทรศัพท์มือถือราว 9 ชั่วโมง 11 นาทีต่อวัน โดยใช้เวลาไปกับโซเชียลมีเดียถึง 3 จาก 9 ชั่วโมง ซึ่งแน่นอนว่ามันเปลืองเวลาไปมากมายเมื่อเทียบกับเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ที่เรามี 

 

วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ CMMU เอง ก็เคยศึกษาการตลาดของคนเหงาในประเทศไทยไว้ โดยมีผลการศึกษาออกมาว่า ในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานมีกลุ่มที่มีภาวะความเหงาประมาณ 33 และ 34.7 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ และกิจกรรมที่พวกเขาเลือกใช้เพื่อหลีกเลี่ยงความเหงามีอยู่หลักๆ 3 กิจกรรม นั่นคือ เลือกใช้โซเชียลมีเดีย เข้าร้านอาหารหรือคาเฟ่ และการช้อปปิ้ง ฉะนั้นคุณลองสังเกตว่า ในปัจจุบันมีข่าวที่เกี่ยวข้องกับภาวะทางจิตใจของผู้คน หรืองานศึกษาโซเชียลมีเดียที่ส่งผลกระทบกับวิถีชีวิตคนมากขึ้น เพราะในเมื่อเราไม่ออกไปไหน เราก็จะใช้ชีวิตอยู่กับตัวเอง อยู่กับมือถือ ทำให้เกิดโรคคนเมือง เป็นที่มาของภาวะเปลี่ยวเหงา หรือความรู้สึกที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจจากการเสพโซเชียลมีเดียที่มีอารมณ์แตกต่างกันไป

 

CLOUD Thonglor-Phetchaburi

 

คนเมืองกำลังจะอ้วนขึ้นและอ้วนขึ้น

และสิ่งที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกแย่มากกว่าแค่รู้สึกเหงาคือ พวกเราชาวกรุงนั้นยังเสี่ยงต่อภาวะอ้วนอีกด้วย จากการศึกษาของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. พบว่า ภาวะโรคอ้วนในประเทศไทยมีแนวโน้มจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต จากผลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายในปี 2552 พบคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปมากกว่า 1 ใน 3 อยู่ในภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนเพิ่มขึ้นสองเท่าตัว เมื่อเทียบกับในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา และหากเปรียบเทียบในระดับภูมิภาคพบว่า คนไทยอ้วนสูงสุดเป็นอันดับ 2 จากทั้งหมด 10 ประเทศอาเซียน รองจากมาเลเซียเท่านั้น

 

และด้วยเพราะว่า คนกรุงเทพฯ เฉลี่ยแล้วมีพื้นที่สีเขียวเพียง 6.18 ตร.ม.ต่อคนเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกแนะนำที่ 9 ตร.ม.ต่อคน หากหันไปมองเพื่อนบ้านอย่างประเทศสิงคโปร์ ประชากรเขามีพื้นที่สีเขียวเฉลี่ยคนละ 66 ตร.ม. เชียวนะ! ดังนั้นทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ แน่นอนว่า เหล่าชาวเมืองจำนวนมากเลือกทำกิจกรรมและใช้เวลาอยู่ในห้างสรรพสินค้าที่มีอยู่ทั่วทุกมุมเมือง ทั้งกินข้าว ช้อปปิ้ง ดูหนัง หรือแม้แต่ตากแอร์ในวันที่อากาศร้อนๆ แต่สิ่งที่ขาดไปสำหรับคนกรุงคือ พื้นที่สาธารณะ เพื่อให้ผู้คนได้ออกไปชีวิตนอกอาคาร นอกบ้าน เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน

 

แต่ทุกปัญหามีหนทางแก้เสมอ ต้องเริ่มต้นที่ตัวคุณนั้นกล้าที่จะเลือก

ถึงกรุงเทพฯ จะเป็นเมืองที่ไม่ยืดหยุ่น ทำให้ผู้คนขาดปฏิสัมพันธ์ที่ดี หรือบรรยากาศที่จะทำให้คุณหันมาดูแลตัวเองมากนัก และคล้ายกับว่ากำลังสร้างภาวะเจ็บป่วยให้คุณอยู่โดยที่ไม่รู้ตัว แต่สิ่งหนึ่งคือคุณอาจต้องลองเปิดใจ ค้นหาทางเลือกใหม่ๆ ให้ชีวิต ลองวิเคราะห์ดูว่า แท้จริงแล้วปัญหาหลักนั้นควรเริ่มแก้จากจุดไหน

 

หากพบว่า เวลากว่า 40% ของคุณ หมดไปกับการอยู่บนถนน ลองเริ่มวางแผนในการเดินทางให้มากขึ้น เลือกที่อยู่อาศัยย่านที่ใกล้ BTS MRT มีทางเลือกในการเดินทางมากกว่าแค่รถยนต์ หรือใช้ทางเลือกอื่นๆ ในการเดินทาง เช่น การเดิน ปั่นจักรยาน วินมอเตอร์ไซค์ ไม่ยึดติดอยู่กับการขับรถยนต์เพียงอย่างเดียว

 

ลองเริ่มต้นกิจกรรมใหม่ๆ ทำความรู้จักกับผู้คนหรือสังคมใหม่ๆ บ้าง เพื่อละทิ้งความน่าเบื่อในชีวิต ไม่แน่ว่ากิจกรรมและผู้คนเหล่านี้อาจกลายเป็นแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้คุณได้อีกด้วย แทนที่จะก้มหน้าคุยกันในแชต คุณอาจชวนแก๊งเพื่อนมาปาร์ตี้ที่บ้าน ทำอาหาร เล่นเกม หากิจกรรมสนุกๆ ทำร่วมกัน หรือชวนกันออกไปแฮงเอาต์หลังเลิกงาน และถ้าหากคุณกำลังตกที่นั่งของคนที่มีแนวโน้มว่าจะอ้วนขึ้นแล้วนั้น อย่าให้สภาพความเป็นเมืองบังคับคุณ ลองลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการวางแผนการดูแลสุขภาพให้เต็มที่ ลองหาวิธีออกกำลังกายที่เหมาะกับคุณ สายแอ็กทีฟอาจออกไปวิ่ง ปั่นจักรยาน เข้าฟิตเนส สาวๆ อาจลองคอร์สโยคะ พิลาทีส หรือถ้าอยากยกระดับไปอีกขั้น ลองไปยิงธนู หรือตีกอล์ฟก็ยังได้ นอกจากจะได้สุขภาพแล้ว ยังได้สังคมใหม่ๆ เพื่อมาต่อยอด การกินดี อยู่ดี เพื่อชีวิตที่ดีกว่าอีกด้วย

 

และจะดีกว่าหรือไม่ หากคุณได้ใช้ชีวิตที่ครบครันกับโครงการที่พักอาศัยใหม่ล่าสุด ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ Pain Point ของคนเมืองในทุกด้าน เพิ่มเวลาให้ชีวิตและประหยัดเวลาในการเดินทางด้วยโลเคชันที่ยืดหยุ่น มีทางเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ให้คุณได้สร้างปฏิสัมพันธ์และสุขภาพที่ดีด้วย Social Space และ Active Space หมดกังวลที่จะเหงา เศร้า หรือเสี่ยงที่จะอยู่ในภาวะอ้วน


CLOUD ทองหล่อ-เพชรบุรี จาก RISLAND ดีเวลอปเปอร์ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาพื้นที่ที่อยู่อาศัย เน้นมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองโดยเฉพาะ ด้วยคอนเซปต์ Attainable Luxury

 

  • เพิ่มตัวเลือกในการเดินทางให้สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยทำเลบนถนนเพชรบุรี เดินทางเพียง 5 นาทีจากทองหล่อ จะมอบชีวิตทุกวันของคุณให้สนุกสนานมีชีวิตชีวา จะไปแฮงเอาต์ทองหล่อ เอกมัย หรือพร้อมพงษ์ก็ทำได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่นาที สะดวกกับการเดินทางรอบด้าน ทั้งรถยนต์ รถไฟฟ้า รถไฟฟ้าใต้ดิน หรือแม้แต่วินมอเตอร์ไซค์!

 

CLOUD Thonglor-Phetchaburi

CLOUD Gourmet

 

  • เชื่อมชีวิตคนกรุงให้ใกล้กันยิ่งขึ้นด้วย Social Space ซึ่งใหญ่มากๆ ที่ 4,128 ตร.ม. ให้คุณได้สร้างปฏิสัมพันธ์และใช้งานได้จริงถึง 3 ส่วน ไม่ว่าจะทำงาน สังสรรค์ และพักผ่อน ทำงานชมวิวเมืองผ่าน Sky Library หรือ Sky Working Bar สังสรรค์กับเพื่อนๆ ทำกิจกรรมร่วมกันที่ CLOUD Gourmet และโรงภาพยนตร์ส่วนกลาง Sky Theatre และพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ด้วยรูปแบบอาคารที่ออกแบบมาเพื่อความเป็นส่วนตัว ด้วยทางเดินแบบ Single-Loaded Corridor แถมเพิ่มความสดชื่นด้วยพื้นที่สีเขียวรอบโครงการ และ Sky Rooftop Garden

 

CLOUD Thonglor-Phetchaburi

Sky Library

 

  • ทั้งพบปะ สังสรรค์ พักผ่อน และมีสุขภาพที่ดีได้ ครบจบในที่เดียว ด้วย Active Space ขนาดใหญ่ ทั้ง Sky Fitness, Golf Simulator, ห้องโยคะ และพื้นที่สีเขียวรอบโครงการ เพื่อมาตอบโจทย์ชีวิตชาวเมืองให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องใกล้ตัว สะดวก และง่ายยิ่งขึ้น
  • แน่นอนว่าคุณอาจจะคิดว่าทั้งโลเคชันพร้อมพื้นที่ส่วนกลางแบบ Top Floor Facilities ยกสระว่ายน้ำและฟิตเนสขึ้นชั้นดาดฟ้า ความหรูหราระดับนี้คงมาพร้อมราคาแพงเกินรับไหว แต่ที่ CLOUD ทองหล่อ-เพชรบุรี จะมอบราคาที่แตกต่าง เริ่มต้นเพียง 135,000/ตร.ม.
  • พร้อมไลฟ์สไตล์ที่คุณต้องการ เมื่อเทียบกับพื้นที่ทองหล่อ เริ่มที่ 3xx,xxx ต่อ ตร.ม. เพื่อมาตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ในคอนเซปต์ Attainable Luxury อย่างแท้จริง

 

CLOUD Thonglor-Phetchaburi

Sky Lounge

 

CLOUD Thonglor-Phetchaburi

Green Space & Sky Rooftop Garden

 

ถึงแม้กรุงเทพฯ กำลังจะกลายเป็นเมืองของคนเหงา โสด และอ้วน แต่จะดีกว่าหรือไม่ หากคุณได้มีพื้นที่อยู่อาศัยที่จะเชื่อมชีวิตของคุณกับผู้คนอื่นๆ ได้มากขึ้นและที่สำคัญทุกปัญหาในชีวิตมีหนทางแก้เสมอ ต้องเริ่มต้นที่ตัวคุณนั้นกล้าที่จะเลือกและลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

FYI
  • CLOUD ทองหล่อ-เพชรบุรี พร้อมเปิดห้องตัวอย่างให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ของที่อยู่อาศัยที่เหนือกว่าในราคาที่จับต้องได้เริ่มต้นเพียง 3.5 ล้านบาท*
  • ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษกว่า 350,000บาท* และรับรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ bit.ly/2JUAZDj
  • Maps: 

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising