เมื่อปีที่แล้วภาพยนตร์ Parasite ของเกาหลีใต้ได้รับรางวัลภาพยอดเยี่ยมจากงาน Academy Awards ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์อย่าง มิกี้ ลี ขึ้นเวทีเพื่อรับรางวัลดังกล่าว ซึ่งลีถือเป็นส่วนหนึ่งของเหล่าสมาชิกที่อยู่เบื้องหลังบริษัท CJ Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจตั้งแต่ด้านอาหารไปจนถึงความบันเทิง ซึ่งเป็นเวลากว่า 20 ปีมาแล้วที่บริษัทได้ลงทุนดำเนินธุรกิจในวัฒนธรรมป๊อปของประเทศเกาหลีใต้
โดยในขณะนี้คอนเทนต์ของเกาหลีใต้โด่งดังไปทั่วโลก ทั้งซีรีส์อย่าง Squid Game ที่กลายเป็นภาพยนตร์ที่โด่งดังและทำรายได้มหาศาลของ Netflix และวงบอยแบนด์อย่าง BTS ที่โด่งดังไปทั่วโลก รวมถึงภาพยนต์อย่าง Parasite ที่คว้ารางวัลออสการ์ถึง 4 รางวัล
สิ่งที่น่าจับตามองคือ CJ Group กำลังพิจารณาซื้อหุ้นใน SM Entertainment Co. ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและเอเจนซีรายใหญ่ของวง K-Pop ต่างๆ นอกจากนั้นเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา CJ Group ประกาศว่ามีแผนจะใช้เงินมากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.3 แสนล้านบาท ในการผลิตคอนเทนต์ต่างๆ ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติเกาหลีใต้อื่นๆ ก็เดินรอยไปในทิศทางเดียวกับ CJ Group เช่นกัน โดยกำลังทำการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอุตสาหกรรมบันเทิงนี้กำลังทำให้เศรษฐกิจของเกาหลีใต้เติบโตและมีผลตอบแทนจากหุ้นที่มั่นคงแข็งแกร่ง
“บริษัทต่างๆ กำลังก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ ซึ่งอุตสาหกรรมบันเทิงกำลังเป็นแวดวงที่กำลังจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต” ปาร์คจูกุน หัวหน้าบริษัทวิจัยของบริษัท Leaders Index กล่าว
แพลตฟอร์มอย่าง YouTube และบริการสตรีมมิงอย่าง Netflix ได้ช่วยให้คอนเทนต์ภาษาเกาหลีได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแสดงให้เห็นจากคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับการเสียดสีถึงความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมอย่าง ‘Squid Game’ และ ‘Parasite’ ซึ่งได้สะท้อนเข้าไปอยู่ในใจของผู้ชมทั่วโลก นอกจากนั้นวง K-Pop อย่าง BTS ได้มอบประสบการณ์ทางดนตรีที่ตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนคลับ ด้วยเพลงที่ติดหู หน้าตาที่ดูดี และการออกแบบท่าเต้นที่เข้าถึงอารมณ์
การส่งออกคอนเทนต์เกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 6.3% เป็น 1.08 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.5 แสนล้านบาทในปีที่แล้ว ตามรายงานของกระทรวงการค้าและสำนักงานคอนเทนต์สร้างสรรค์ของเกาหลี ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่ดูแลอุตสาหกรรมคอนเทนต์ ซึ่งมูลค่าการส่งออกทางวัฒนธรรมอย่างซีรีส์ ภาพยนต์ และวง K-Pop ได้แซงหน้าแวดวงที่สำคัญอื่นๆ อย่างสินค้าเกษตร เครื่องสำอาง และเครื่องใช้ในครัวเรือนไปแล้ว
โดยในขณะนี้สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกที่มากที่สุดของเกาหลีใต้คือ เซมิคอนดักเตอร์ ที่มูลค่า 9.92 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.2 ล้านล้านบาท (ประมาณ 20% ของ GDP ประเทศไทยปี 2020) รองมาคือ ส่งออกเครื่องจักร มูลค่า 4.79 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 1.5 ล้านล้านบาท
นอกจากนั้นบริษัทต่างๆ อย่าง Kakao Entertainment Corp. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Kakao Corp. และบริษัทเกมยักษ์ใหญ่อย่าง Netmarble Corp. รวมถึงบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์อย่าง Celltrion Entertainment Co. บริษัทต่างๆ เหล่านี้ก็เห็นถึงโอกาสการเติบโตในอุตสาหกรรมบันเทิง และเข้าลงทุนในอุตสาหกรรมนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในบริษัทจัดการด้านความบันเทิงที่มีความสามารถ เริ่มผลิตภาพยนตร์และซีรีส์ รวมถึงทำงานร่วมกับศิลปินอย่างวง BTS เป็นต้น
ความโด่งดังและการแพร่กระจายของวัฒนธรรมป๊อปของเกาหลียังเป็นการสร้างโอกาสให้กับนักลงทุนในหุ้นอีกด้วย โดยหุ้นของ CJ ENM Co. ซึ่งเป็นบริษัทธุรกิจด้านความบันเทิงของ CJ Group เพิ่มขึ้นถึง 19% ในปีนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากข่าวที่ CJ Group กำลังพิจารณาซื้อหุ้นใน SM Entertainment ส่วนหุ้น SM Entertainment เองนั้นเพิ่มขึ้นถึง 170% ในขณะที่หุ้นของบริษัท K-Pop อย่าง JYP Entertainment Corp. และ YG Entertainment Inc. นั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 38% ทั้งคู่
ทางด้านหุ้นของ Hybe Co. บริษัทต้นสังกัดของวง BTS เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เนื่องจากการเข้าซื้อบริษัทที่เป็นต้นสังกัดของศิลปินระดับโลกอย่าง จัสติน บีเบอร์ และ อะรีอานา กรานเด รวมถึงประกาศว่ากำลังร่วมมือกับบริษัทตลาดเทรดคริปโตเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ เพื่อสร้าง NFT ของวงในสังกัดอย่าง BTS อีกด้วย
แม้จะมีการเติบโตที่รุนแรง แต่อุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีใต้ก็ถือว่ายังเล็ก เมื่อเทียบกับคู่แข่งทั่วโลก โดยรายได้ในตลาดคอนเทนต์ของเกาหลี ซึ่งครอบคลุมถึงเพลง เกม และภาพยนตร์ มีมูลค่าอยู่ที่ 6.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 1.9 ล้านล้านบาทในปี 2019 เทียบกับในสหรัฐฯ 8.74 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าเกาหลีใต้ถึง 14 เท่า และในจีน 3.51 แสนล้านดอลลาร์ มากกว่าถึงเกือบ 6 เท่า ตามรายงานของหน่วยงาน Korea Creative Content Agency มูลค่าตลาดของ CJ ENM อยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 9.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งน้อยกว่า Netflix Inc. ถึง 100 เท่า ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 9.7 ล้านล้านบาท
บริษัท CJ Group ในปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีใต้ ที่ก่อตั้งโดย อีบยองชอล เดิมบริษัทถูกก่อตั้งเป็นบริษัท Samsung ในฐานะโรงกลั่นน้ำตาลในปี 1953 ถัดมาอีก 40 ปีบริษัทได้แยกตัวออกจาก Samsung ในปี 1993 และอีก 2 ปีต่อมาบริษัทก็ได้เข้าสู่วงการบันเทิง โดยลงทุนถึง 300 ล้านดอลลาร์ หรือ 9.7 พันล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นบริษัทสตูดิโอภาพยนตร์ของสหรัฐฯ ที่รู้จักกันในชื่อ DreamWorks SKG
โดยในปี 2011 บริษัท CJ ENM ถูกก่อตั้งขึ้น ซึ่งมีผลงานผลิตภาพยนตร์นิยายวิทยาศาสตร์อย่าง ‘Snowpiercer’ ในปี 2013 และรายการทีวี 2 รายการอย่าง ‘I-LAND’ รายการเรียลิตี้โชว์เกี่ยวกับเด็กฝึกบอยแบนด์ และซีรีส์เกาหลีเรื่อง ‘It’s Okay to Not Be Okay’ ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล International Emmy Awards ปี 2021 นอกจากนั้นบริษัทยังกล่าวในเดือนพฤษภาคมว่า จะลงทุนมากกว่า 5 ล้านล้านวอน หรือ 1.3 แสนล้านบาท สำหรับการผลิตคอนเทนต์ในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้
เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองว่าวัฒนธรรมป๊อปของเกาหลีจะเติบโตได้อย่างยั่งยืนหรือไม่ และการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้จะถือว่าเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดหรือไม่
องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอย่างองค์กรเพื่อการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศของเกาหลี ที่อยู่ภายใต้กระทรวงการค้าของประเทศ ระบุไว้ในรายงานเกี่ยวกับแนวโน้มวัฒนธรรมเกาหลีในเดือนสิงหาคมว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีดาราหรือศิลปินหน้าใหม่เลยที่สามารถเข้ามาอยู่ใน 5 อันดับแรกของชาร์ตศิลปิน K-Pop ยอดนิยม
แต่สำหรับดัชนี Leaders Index พบว่าความต้องการคอนเทนต์ต่างๆ ของเกาหลีใต้ยังไม่น่าจะลดลงในเร็วๆ นี้ โดยปาร์คกล่าวว่า “บริษัทจากอุตสาหกรรมอื่นๆ จะเข้าสู่ธุรกิจบันเทิงมากขึ้น โดยจะมีการสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ” และทางด้าน Netflix ก็กำลังวางเดิมพันที่คล้ายๆ กัน โดยมีแผนจะลงทุน 500 ล้านดอลลาร์ในคอนเทนต์เกาหลีใต้ในปีนี้ หลังจากที่ได้ลงทุนไปแล้วทั้งหมดกว่า 700 ล้านดอลลาร์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา “การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมบันเทิงจะดำเนินต่อไป” ปาร์คกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP