วันนี้ (22 พฤษภาคม) ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เดินทางมาสังเกตการณ์งานแถลงการลงนามข้อตกลงร่วม (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า การเดินทางมาวันนี้ของตนเพื่อมาสังเกตการณ์ เนื่องจากเป็นห่วงว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลที่ฮ่องกง ยืนยันไม่ได้มาหาแสง แต่เป็นการวิเคราะห์ข้อเท็จจริง โดยที่หุ้นสื่อจะกลายเป็นประเด็นสำคัญ เรื่องนี้ทำให้พรรคก้าวไกลซึ่งมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว จะไปตกอยู่ที่พรรคเพื่อไทย ตัวแปรสำคัญก็คือพรรคเพื่อไทย วันนี้ที่ตนเดินทางมาคืออยากให้สำเร็จ เรื่องสำคัญคือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่จะไม่มี ต้องพูดให้ชัด ถ้าพูดไม่ชัดอำนาจเก่าไม่มีทางยอมง่ายๆ แต่ก็ไม่ควรนำเรื่องมาตรา 112 มาเป็นเงื่อนไข
“ผมไม่ได้ระบุชื่อใคร แต่ผมขอเปิดเผยว่ามีแผนสองและมีเรื่องหุ้นสื่อเป็นเดิมพัน เพื่อไทยตีขิมจิบน้ำชารอ เพราะเขามี 3 คน ส่วนที่มีคนอยากกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน ถ้าอย่างนั้นพลิกขั้วใหม่ให้ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านกับรวมไทยสร้างชาติ ได้ 280 เสียง นี่แผนสอง ผมจำเป็นต้องพูดไว้ก่อน อย่าคิดว่า ส.ว. จะยกมือ ผมกลัวคนเขาไม่ยกมือ ก็จะมีคนเดินเท้า คนเดินเท้ามันไม่น้อย วันนี้เพียงแต่ว่ามาพบปะ เพราะผมเป็นผู้สังเกตการณ์” ชูวิทย์กล่าว
ระหว่างนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อม ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางมาถึงโรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ และได้เจอกับชูวิทย์ที่กำลังให้สัมภาษณ์ จึงถามแกนนำพรรคเพื่อไทยว่า กรณีที่ชูวิทย์ออกมาระบุว่ามีการดีลตั้งรัฐบาลที่ฮ่องกงนั้นคือเรื่องจริงหรือไม่ นพ.ชลน่านปฏิเสธเสียงหนักแน่นว่า “ไม่มี ไม่มีครับ” จากนั้นแกนนำพรรคประสานเสียงกันว่า “ยืนยันก้าวไกลครับ”
จากนั้นชูวิทย์มีท่าทีที่ดูอ่อนลง พร้อมระบุกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ตนบอกคือว่าทางนี้ (พรรคก้าวไกล) แน่นอนอยู่แล้ว แต่แน่นอนไม่แน่นอน ตนก็บอกอยู่แล้วว่าอยู่ที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอยู่ที่พรรคก้าวไกล ไม่แตะมาตรา 112 และจะไปที่หุ้นสื่อที่เป็นเดิมพันสุดท้าย ก็อยู่ที่ ส.ว. จะยกมือ และก็มีข้ออ้างเรื่องหุ้นสื่อ ตนจึงต้องมาพูดไว้ก่อน
