วันนี้ (16 ตุลาคม) ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส. ระยอง พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีรัฐบาลของอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการแก้ไขปัญหาและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ถึงขณะนี้อนุทินยังไม่ดำเนินการใดๆ หลังจากที่ รังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้อภิปรายถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ
ชุติพงศ์ระบุอีกว่า จะเห็นได้ว่าตั้งแต่อนุทินเป็นนายกฯ ก็เลี่ยงที่จะตอบคำถามในเรื่องนี้ และแม้จะมีการตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อรับผิดชอบในเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่ในทางปฏิบัติได้เคยสั่งการไปแล้วบ้างหรือไม่ รวมไปถึงได้มีการเรียกหน่วยงานที่มีข้อมูลในปัจจุบัน เช่น AOC ธนาคารแห่งประเทศไทย เข้ามาให้ข้อมูลบ้างหรือยัง ว่ามาตรการและกฎหมายที่มีอยู่นั้นเพียงพอหรือไม่ รวมถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ในการดำเนินการยึดทรัพย์
ชุติพงศ์ระบุว่า ล่าสุดได้รับข้อมูลว่า เบน สมิธ เดินทางกลับเข้ามาในไทยแล้ว รัฐบาลจะมีการดำเนินการอย่างไรหรือไม่ ส่วนตัวขอถามไปยังนายกรัฐมนตรีว่าได้มีการสั่งการไปกับคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ว่าได้ดำเนินการปราบปรามสแกมเมอร์ไปอย่างไรบ้าง เพราะวันนี้ไม่ได้เห็นความจริงจังและจริงใจในการแก้ไขปัญหา ทั้งในประเทศและนอกประเทศของรัฐบาล
“ผมขอถามตรงๆ คุณอนุทินเกรงใจใคร กังวลอะไรอยู่หรือเปล่า นี่มันไกลมาก คนที่อาจเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ ที่ดึงเงินออกจากกระเป๋าคนไทยไปเป็นแสนล้าน ใกล้ขนาดเข้ามาอยู่ในศูนย์กลางอำนาจรัฐอยู่แล้ว เราต้องรอซูเปอร์บอร์ดประชุมเพื่อวางนโยบาย หรือมอบหมายใครดำเนินการ ในขณะที่เกาหลีใต้ประกาศแล้วว่าจะมาช่วยคนของเขาออกจากกัมพูชา ประเทศเราติดอยู่กัมพูชา แต่นิ่งเฉยแบบนี้ นานาชาติจะมองเราอย่างไร จะมองว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือจะเกี่ยวข้องกับที่ ฮุน เซน ประกาศจะปราบเว็บพนันของนักการเมืองไทยที่อยู่ในกัมพูชา” ชุติพงศ์กล่าว
ชุติพงศ์ยังกล่าวถึงคำมั่นของอนุทินในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ว่าจะขอทำงานในช่วง 4 เดือน เพราะพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ ‘พูดแล้วทำ’ จึงตั้งคำถามว่าเป็นเพราะอนุทินไม่ได้พูดใช่หรือไม่ จะได้ไม่ต้องทำ หากเข้ามาและทำไม่ได้ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนจะได้พิจารณาว่าผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี 4 เดือน นอกเหนือจาก MOA แล้วในการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาชาตินั้น ทำไม่ได้
“โอกาสทองฝังเพชร ครั้งนี้อยู่ที่อนุทิน จะโยนมันทิ้งแล้วปล่อยให้คนไทยลำบากต่อไป ทิ้งโอกาสที่ไทย จะเป็นพันธมิตรกับคนทั้งโลกในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ที่โลกกำลังจับตาตรงนี้ไปหรือไม่ ซึ่งหากต้องการข้อมูลจากกรรมาธิการมั่นคงฯ ก็ยินดี แต่ยังไม่มีการติดต่อมา” ชุติพงศ์กล่าว
ชุติพงศ์กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า อนุทินต้องทำได้มากกว่าการให้กำลังใจบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ ที่ไปปล่อยเสียงหลอน และหากวันนี้ได้มีการพูดคุยกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ส่วนตัวเสนอว่า ขอให้ไทยได้เสนอมาตรการเชิงรุกบ้าง แสดงบทบาทในฐานะที่ประเทศมีชายแดนติดกับกัมพูชา ดำเนินการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และต้องประสานเอาคนไทยที่อยู่ในกัมพูชากลับเข้ามา เพื่อให้บทบาทของไทยเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก
ทั้งนี้ หากยังไม่มีการดำเนินการไทยก็จะได้รับความเสียหาย พรรคประชาชนก็จะเดินหน้าติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป