วันนี้ (10 กุมภาพันธ์) พล.ร.อ. เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ เรือหลวงสุโขทัยอับปางว่า คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ที่มี พล.ร.อ. ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ เป็นประธาน ได้ดำเนินการสอบสวนมาอย่างต่อเนื่องและมีความก้าวหน้า โดยมีการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น กำลังพลผู้รอดชีวิต และหน่วยงานที่เข้ามามีส่วนช่วยเหลือ ทั้งจากท่าเรือบางสะพานและเรือเอกชนอื่นๆ ที่เข้ามาร่วมช่วยเหลือในวันนั้น รวมทั้งหมด 289 ปาก ครบถ้วนเรียบร้อย ปัจจุบันนี้เหลือเพียงเรียบเรียงถ้อยความสาเหตุการจมของเรือหลวงสุโขทัย
“ซึ่งตามที่ทราบคือ การจมลงมีสาเหตุหลักจากการที่น้ำเข้าเรือและทางเรือไม่สามารถสูบน้ำออกได้ทัน จนกระทั่งเรือเอียง และจมลงในที่สุด ซึ่งสาเหตุต่างๆ เหล่านี้ต้องนำมาประมวลหาสาเหตุที่แท้จริง ในขณะนี้ได้ตั้งสมมติฐานที่ทำให้เรือจมไว้หลายประเด็น โดยผลการสอบข้อเท็จจริงจากกำลังพลที่รอดชีวิตต้องประกอบกับเรื่องของวัตถุพยาน ที่เรือหลวงสุโขทัยว่าตรงตามคำให้การของผู้รอดชีวิตหรือไม่ และได้มุ่งประเด็นไปที่จุดใดบ้าง เพื่อนำมาประกอบกับผลการสอบสวนจึงเป็นประเด็นแท้จริงที่เกิดขึ้น” พล.ร.อ. เชิงชายกล่าว
พล.ร.อ. เชิงชายยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการกู้เรือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเรือจมอยู่ในระดับน้ำลึก 40-50 เมตร ดังนั้นการนำเรือขึ้นมาจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ หากมีอุบัติเหตุหรือทำให้เรือเสียหายเพิ่มมากขึ้น จะทำให้วัตถุพยานต่างๆ ไม่สามารถนำมาพิสูจน์ได้ จึงจำเป็นต้องเฟ้นหาบริษัทที่มีขีดความสามารถ มีเครื่องมือที่กู้เรือขึ้นมาได้ เพื่อนำมาสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเหตุใดถึงได้จมลง
ขณะนี้ยังมีขั้นตอนการพิจารณาจากบริษัทที่นำเสนอเพิ่มเข้ามา ท้ายที่สุดคือเรื่องของงบประมาณที่จะใช้ในเรื่องนี้ ซึ่งจะต้องมีการนำเสนอไปที่หน่วยเหนือให้พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งกองทัพเรือจะเป็นส่วนพิจารณาว่าจะใช้งบประมาณสำรองที่กองทัพเรือมีอยู่ หรือจะต้องขอจากรัฐบาล ตอนนี้ยังไม่ทราบวงเงินที่ชัดเจน ต้องรอคณะกรรมการชุดกู้เรือนำเสนอขึ้นมา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ประมาณการว่าจะใช้งบประมาณจำนวนเท่าใด พล.ร.อ. เชิงชายกล่าวว่า เท่าที่ทราบตัวเลขคร่าวๆ น่าจะสูงกว่า 200 ล้านบาท ในการนำเรือขึ้นมาและนำเข้าฝั่ง