ชิป วิลสัน (Chip Wilson) ผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองของ Lululemon กำลังเปิดฉากสงครามครั้งใหม่กับบริษัทที่เขาสร้างขึ้นมากับมือ โดยประกาศเสนอชื่อกรรมการบริหารชุดใหม่ 3 ราย เพื่อเข้าไปปฏิรูปการทำงานของคณะกรรมการชุดปัจจุบัน ท่ามกลางวิกฤตที่รุมเร้าบริษัทอย่างหนัก ทั้งราคาหุ้นที่ร่วงลงกว่า 40% ในปี 2025 และการประกาศลาออกของซีอีโอที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้
ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ (29 ธ.ค.) ที่ผ่านมา โดยวิลสันได้เสนอชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจ 3 คนเพื่อเข้าชิงตำแหน่งในบอร์ดบริหาร ได้แก่ มาร์ค เมาเรอร์ (Marc Maurer) อดีตซีอีโอร่วมของ On Running แบรนด์รองเท้าคู่แข่งสำคัญ, ลอร่า เจนไทล์ (Laura Gentile) อดีตหัวหน้าฝ่ายการตลาดของ ESPN และ เอริค เฮิร์ชเบิร์ก (Eric Hirshberg) อดีตซีอีโอของ Activision
วิลสัน ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นในบริษัทอยู่ประมาณ 9% ได้กล่าวโจมตีการทำงานของบอร์ดชุดปัจจุบันอย่างรุนแรงผ่านแถลงการณ์ว่า “ความจริงคือคณะกรรมการชุดปัจจุบันยังขาดความเชี่ยวชาญ ส่งผลให้ Lululemon ไม่สามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และไม่สามารถพลิกสถานการณ์ทางธุรกิจให้กลับมาดีเหมือนเดิมได้”
เขาย้ำว่า Lululemon ในเวลานี้ต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และความคิดสร้างสรรค์ และระบุว่าผู้ถือหุ้นได้หมดศรัทธาในความสามารถของบอร์ดชุดนี้ที่จะเป็นผู้คัดเลือกซีอีโอคนใหม่ หลังจากที่ คาลวิน แมคโดนัลด์ (Calvin McDonald) ซีอีโอคนปัจจุบันประกาศว่าจะก้าวลงจากตำแหน่งในสิ้นเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ ซึ่งวิลสันมองว่าเป็นความล้มเหลวในการกำกับดูแลของบอร์ดที่ไม่มีแผนการสืบทอดตำแหน่งที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม วิลสันไม่ได้เสนอชื่อตัวเองกลับเข้าไปในบอร์ด ซึ่งเขาได้ลาออกไปตั้งแต่ปี 2015 แต่เขายืนยันเจตนาที่ชัดเจนว่า “การเคลื่อนไหวเพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับตัวผม แต่มันคือการพา Lululemon กลับไปสู่การมีผู้นำที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งที่ยั่งยืนให้กับแบรนด์อีกครั้ง”
ทางด้าน Lululemon ได้ออกมาตอบโต้ทันที โดยระบุว่าวิลสันไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทมาเป็นทศวรรษแล้ว และบอร์ดชุดปัจจุบันได้สร้างการเติบโตอย่างมหาศาล โดยรายได้เพิ่มขึ้นจาก 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.6 หมื่นล้านบาท)ในปี 2015 เป็น 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.4 แสนล้านบาท)ตามเป้าหมายปี 2025
นอกจากนี้ บริษัทยังระบุว่าได้พยายามขอให้วิลสันส่งรายชื่อผู้ที่เขาต้องการเสนอมาให้บอร์ดพิจารณาก่อน เพื่อหลีกเลี่ยง “ศึกชิงอำนาจบริหารผ่านการโหวตของผู้ถือหุ้น (Proxy Fight) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงและเบี่ยงเบนความสนใจจากการบริหารธุรกิจ” แต่วิลสันปฏิเสธที่จะเจรจาต่อ
นอกเหนือจากศึกภายในกับผู้ก่อตั้งแล้ว Lululemon ยังต้องเผชิญแรงกดดันจาก Elliott Investment Management ซึ่งเป็น ‘กลุ่มทุนที่เข้ามามีบทบาทในการบริหาร’ (Activist Investor) ที่ได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัทคิดเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.15 หมื่นล้านบาท) โดย Elliott กำลังผลักดันให้ เจน นีลเซ่น (Jane Nielsen) อดีตผู้บริหารจาก Ralph Lauren เข้ามาเป็นซีอีโอคนใหม่ ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่าแม้ทั้งสองฝ่ายจะมีเป้าหมายคล้ายกัน แต่วิลสันและ Elliott ไม่ได้จับมือทำงานร่วมกัน แม้ว่าวิลสันจะเคยพูดคุยกับนีลเซ่นมาบ้างแล้วก็ตาม
สถานการณ์ของ Lululemon ในขณะนี้ถือว่ากำลังเผชิญกับ ‘ความสับสนในทิศทางของแบรนด์’ โดย นีล ซอนเดอร์ส (Neil Saunders) นักวิเคราะห์จาก GlobalData มองว่าบริษัทกำลังสูญเสียความน่าสนใจเนื่องจากการแข่งขันที่ดุเดือดจากแบรนด์น้องใหม่มาแรงอย่าง Alo Yoga และ Vuori รวมถึงแบรนด์ Skims ของคิม คาร์ดาเชียน ที่เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด
ซอนเดอร์ส วิจารณ์แนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์ในช่วงหลังว่า “ดูเหมือนบริษัทกำลังลดคุณค่าของตัวเองลง ด้วยการออกสินค้าอย่างเสื้อฮู้ดที่เน้นติดโลโก้ใหญ่ๆ ซึ่งไม่ได้สะท้อนถึงความประณีตและคุณภาพที่เป็นจุดเด่นดั้งเดิมของแบรนด์ Lululemon เลย”
เขายังให้ความเห็นเพิ่มเติมกับ CNN ว่า “วิลสันคิดไม่ผิดที่จะพยายามถ่ายเลือดใหม่เข้าสู่ทีมบริหาร รายชื่อที่เสนอมามีความสมดุลของประสบการณ์ที่ดี แม้ว่าความท้าทายหลักจะยังคงเป็นการหาซีอีโอที่ใช่ก็ตาม”
สำหรับ Lululemon ซึ่งเคยมีมูลค่าบริษัทสูงถึงระดับแสนล้าน ปัจจุบันมูลค่าลดลงเหลือราว 2.48 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7.8 แสนล้านบาท) การต่อสู้ครั้งนี้จึงเป็นเดิมพันครั้งสำคัญว่า แบรนด์ชุดออกกำลังกายระดับตำนานจากแคนาดาจะสามารถพลิกฟื้นกลับมาทวงบัลลังก์คืน หรือจะปล่อยให้คู่แข่งแซงหน้าไปอย่างถาวร
หมายเหตุ : ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 31.52 บาท ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2568
ภาพ : Alex Tai/SOPA Images/LightRocket via Getty Images
อ้างอิง:


