×

เทคจีน มีอนาคตหรือไม่ หลังพี่ใหญ่ ‘อาลีบาบา’ ถูกบีบให้ต้องจำใจยุติแผนสปินออฟ ‘ธุรกิจคลาวด์’ ของตัวเอง

21.11.2023
  • LOADING...

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (16 พฤศจิกายน) หนึ่งข่าวที่สะเทือนวงการเทคโนโลยีของจีนคงหนีไม่พ้นการดิ่งลงของหุ้นบริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป กว่า 10% ในตลาดฮ่องกงภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งวัน นำมาสู่มูลค่าที่หายไปจากตลาดถึง 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบปี

 

หุ้น BABA หลังการสปินออฟ ‘ธุรกิจคลาวด์’ ถูกยุติ

 

Bloomberg รายงานว่า สาเหตุที่ทำให้หุ้นอาลีบาบา (BABA) ร่วงยับเยิน เป็นเพราะการตัดสินใจที่จะละทิ้งแผนการสปินออฟ ซึ่งหมายถึงการแยกธุรกิจออกจากบริษัทแม่ เพื่อมาทำในส่วนของ ‘ธุรกิจคลาวด์’ ภายใต้ชื่อ Cloud Intelligence Group มูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นความหวังหลักที่จะมาเป็นหัวหอกสำคัญในการขับเคลื่อนให้บริษัทเติบโตผ่านกระบวนการธุรกิจที่เป็นอัตโนมัติ มีประสิทธิภาพ และเพิ่มมูลค่าตลาดให้มากขึ้น แต่ฝันนี้ก็ต้องหยุดลงเนื่องจากความขัดแย้งที่ตึงเครียดระหว่าง 2 มหาอำนาจยักษ์ใหญ่ของโลก…จีนและสหรัฐฯ

 

Joseph Tsai และ Eddie Wu ประธานและซีอีโอบริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวกับ Bloomberg ว่า บริษัทจำเป็นต้อง ‘โละ’ กลยุทธ์ธุรกิจใหม่ เนื่องจากความพยายามกีดกันของสหรัฐฯ ในการค้าขายชิปเซมิคอนดักเตอร์กับจีน เพื่อป้องกันไม่ให้จีนนำไปใช้ในการพัฒนาด้านทหาร แต่สิ่งนี้ก็ส่งผลกระทบเชิงลบกับภาคเอกชนของจีนเช่นเดียวกัน

 

ดูเหมือนว่าการตัดสินใจที่ต้องล้มเลิกธุรกิจคลาวด์ครั้งนี้ของอาลีบาบา กรุ๊ป จะมาผิดที่ผิดเวลา ท่ามกลางความพยายามของบริษัทที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิด 

 

แผนการสปินออฟ ‘ธุรกิจคลาวด์’ ที่ถูกพับเก็บไปเพราะความไม่แน่นอนเรื่องชิปเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้บริษัทหันมาแก้เกมด้วยการมุ่งเน้นพัฒนาคลาวด์แบบยั่งยืนแทนที่จะแยกตัวออกเป็นอีกบริษัท และนอกจากนี้ทางบริษัทยังมีการที่จะออกปันผลรายปีเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยมีมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวก็ไม่สามารถเรียกความมั่นใจคืนมาจากนักลงทุนได้ เนื่องจากเงินปันผลไม่อาจชดเชยความเสียหายจากการที่อาลีบาบา กรุ๊ป ตัดสินใจยุติการสปินออฟ เนื่องจากความคาดหวังของนักลงทุนต่อการแยกตัวที่ควรจะเกิดขึ้นถูกสะท้อนไปในราคาหุ้นแล้ว

 

อีกหนึ่งสาเหตุที่ราคาหุ้นดิ่งลงไปมากเพราะธุรกิจ AI ในประเทศจีนกว่า 80% นั้นพึ่งพาระบบคลาวด์ของอาลีบาบาอยู่ พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น สถานการณ์ในปัจจุบันของบริษัทจึงอยู่ในสภาวะที่วุ่นวายอยู่ไม่น้อย

 

วิกฤตสั่นคลอนศรัทธาหุ้นเทคจีน

 

นอกเหนือไปจากธุรกิจคลาวด์ที่กำลังเป็นประเด็น อาลีบาบา กรุ๊ป ยังมีความท้าทายอีกด้านคือ สภาพเศรษฐกิจที่ชาวจีนมีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น ทำให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เป็นเสาหลักของอาลีบาบามียอดขายที่ตกต่ำลงกว่าการคาดการณ์ของหลายฝ่าย ซึ่งซ้ำเติมปัญหาความขัดแย้งทางการค้าที่สหรัฐฯ กีดกันการเข้าถึงชิปเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้จีนไม่สามารถเคลื่อนตัวพัฒนาเทคโนโลยีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

 

สำหรับบริษัทเทคในจีนรายอื่นๆ ที่แม้จะทำรายได้เกินเป้า เช่น Tencent แต่การตอบรับราคาหุ้นกลับไม่ได้ขยับตามรายได้ หรือหุ้นบริษัท JD.com กับ NetEase Inc. ผู้พัฒนาเกมและอีคอมเมิร์ซสัญชาติจีนก็ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แม้รายได้จะออกมาดีก็ตาม

 

“ไม่ว่ารายได้จะเป็นแบบไหน แต่คอขวดของบริษัทเหล่านี้คือการเติบโตในประเทศที่มาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว พวกเขายังไม่สามารถที่จะหาช่องทางการขยายธุรกิจในต่างประเทศได้ และที่สำคัญทิศทางของธุรกิจด้านคลาวด์และ AI ก็ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หมายความว่าบริษัทเทคจีนกำลังถูกมองว่าเป็นธุรกิจที่อยู่ในระยะฟื้นตัว มากกว่าธุรกิจที่มีแนวโน้มจะเติบโตได้” Xu Dawei ผู้จัดการกองทุนประจำ Jintong Private Fund กล่าวกับ Bloomberg

 

สภาพของหุ้นเทคจีนตอนนี้ต้องเจอกับแรงขายจากนักลงทุนในประเทศที่ระมัดระวังมากขึ้น และในฝั่งของนักลงทุนต่างชาติก็มีความลังเลที่จะเพิ่มเงินลงทุน เนื่องจาก 3 ใน 4 ของผู้จัดการกองทุนในเอเชียมองว่าหุ้นจีนจะลงต่อได้อีก ทำให้พวกเขาลดการถือครองลง

 

Liu Minyue ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนประจำธนาคาร BNP Paribus มองว่า เรื่องราวที่เคยอยู่คู่กับหุ้นเทคจีนบางตัวในฐานะหุ้นเติบโต ได้เปลี่ยนสถานะกลายเป็นหุ้น ‘Turn-Around’ หรือหุ้นประเภทที่ราคาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังจากขาลงจากความหวังของนักลงทุน ที่คาดว่าบริษัทจะกู้สถานการณ์กลับมาได้ แต่ Liu ก็มองว่ามันอาจเป็นเพียงแค่การกลับตัวระยะสั้น และหากการกลับตัวมาไม่ทันตามที่ตลาดคิดไว้ นักลงทุนก็พร้อมที่จะหันหนีเช่นกัน

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising