เว็บไซต์ Global Times รายงานว่า ทางการจีนกำลังเร่งยกระดับการใช้งานเงินดิจิทัลหยวนไปอีกขั้นด้วยการเพิ่มสถานการณ์ที่สามารถประยุกต์นำเงินหยวนดิจิทัลมาใช้ในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการใช้เงินหยวนดิจิทัล เพิ่มปริมาณธุรกรรม และสร้างความคุ้นเคยให้กับชาวจีนในการใช้งานหยวนดิจิทัลรายวัน
โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (6 พฤษภาคม) มีการเปิดตัวสถานีเก็บค่าผ่านทางดิจิทัลหยวน 10 ชุดแรกบนทางด่วนชิงเต่า มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน ซึ่งการดำเนินการชำระเงินคล้ายกับ Alipay และ WeChat Pay ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเปิดทางให้ผู้ขับขี่รูดรหัส QR จากแอป e-CNY เพื่อชำระเงินที่ทางออกของสถานีเก็บค่าผ่านทางแต่ละแห่ง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างล่าสุดของวิธีที่เงินหยวนดิจิทัลสามารถผสานรวมเข้ากับชีวิตประจำวันของผู้คนได้ เนื่องจากทางการกำลังจัดเตรียมสถานการณ์ที่เปิดทางให้มีการใช้เงินหยวนดิจิทัลให้มากขึ้นในภาคการจัดเลี้ยง การจับจ่าย การพักผ่อน และความบันเทิง ตลอดจนการตั้งถิ่นฐานและการค้าข้ามพรมแดน
นอกจากนี้ มีรายงานว่า Tencent ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนเพิ่งรวมเงินหยวนดิจิทัลไว้ในโปรแกรมขนาดเล็กของ WeChat เพื่อเพิ่มการใช้งานและความนิยมของเงินหยวนดิจิทัล โดยผู้ใช้ WeChat สามารถใช้เงินหยวนดิจิทัลกับร้านค้าภายใต้บัญชีวิดีโอ WeChat และมินิโปรแกรมได้โดยการเปิดใช้งาน ‘WeChat Payment’ ด้วยแอป e-CNY
ปัจจุบัน ผู้ค้าที่ใช้โปรแกรมขนาดเล็กของ WeChat ที่รองรับการชำระเงินด้วยเงินหยวนดิจิทัล ได้แก่ KFC, Watsons, JD.com, China Telecom, State Grid
Wang Peng นักวิจัยจาก Beijing Academy of Social Sciences กล่าวว่า ความร่วมมือกับแพลตฟอร์มการชำระเงินของบุคคลที่สามในประเทศ เช่น WeChat ซึ่งมีฐานผู้ใช้ที่ดีและได้รับความนิยมสูง ช่วยให้หยวนดิจิทัลสามารถพัฒนาต่อไปได้ ขยายสถานการณ์การใช้งานและทำให้ผู้คนสามารถใช้การชำระเงินแบบใหม่ได้มากขึ้น
ด้าน Liu Dingding นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะผลักดันการใช้หยวนดิจิทัล ซึ่งจะเพิ่มจำนวนธุรกรรมและปลูกฝังนิสัยของผู้ใช้ในที่สุด โดยตัวเลขล่าสุดของธนาคารกลางจีนประเมินว่า จนถึงช่วงสิ้นปี 2022 ที่ผ่านมา มียอดรวมของเงินหยวนดิจิทัลที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดอยู่ที่ 1.361 หมื่นล้านหยวน
ทั้งนี้ ความนิยมของหยวนดิจิทัลสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในภาคการบริโภค โดยมีกิจกรรมส่งเสริมภาคการบริโภคพิเศษจำนวนหนึ่งเปิดตัวในรูปแบบของเงินหยวนดิจิทัล ซึ่งกระตุ้นการใช้สกุลเงินในช่วงวันหยุด
ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงวันหยุดเทศกาลวันแรงงาน 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน – 3 พฤษภาคม รัฐบาลท้องถิ่นแห่งมณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีนได้ออกคูปองผู้บริโภครวม 170 ล้านหยวน และอั่งเปา 55 ล้านหยวนในรูปเงินดิจิทัลหยวน ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นต้าเผิงในเมืองเซินเจิ้นทางตอนใต้ของจีนก็ออกอั่งเปาดิจิทัลจำนวน 1 ล้านหยวนเช่นกัน
ขณะที่ ทาง Meituan บริษัทจัดส่งอาหารของจีนระบุว่า ในช่วงวันหยุดเทศกาลฤดูใบไม้ผลิปีนี้ จำนวนคำสั่งซื้อธุรกรรมเงินหยวนดิจิทัลบนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จำนวนผู้ใช้หยวนดิจิทัลเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่า และปริมาณธุรกรรมดิจิทัลเพิ่มขึ้น 6.2 เท่าเมื่อเทียบเป็นอัตรารายปี
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2022 บรรดารัฐบาลท้องถิ่นจีนได้ดำเนินการทดสอบ e-CNY กิจกรรมส่งเสริมการขายโดยใช้เงินหยวนดิจิทัลประมาณ 50 รายการ ซึ่งส่งเสริมการฟื้นตัวของการบริโภคค้าปลีกในภูมิภาคดังกล่าวอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า อัตราการใช้เงินหยวนดิจิทัลโดยรวมยังคงต่ำ เมื่อเทียบกับปริมาณธุรกรรมและความนิยมในตลาดของแพลตฟอร์มการชำระเงินของบุคคลที่สาม
จากรายงานการวิจัยเกี่ยวกับการใช้และการส่งเสริมเงินหยวนดิจิทัล มีคนเพียง 11.5% เท่านั้นที่ใช้เงินหยวนดิจิทัลทุกวัน และ 54.1% ของผู้คนใช้เงินหยวนดิจิทัลเพื่ออั่งเปาหรือรับคูปองบริโภคเท่านั้น
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการชำระเงินของบุคคลที่สาม เช่น Alipay และ WeChat Pay ปัจจุบันมีคนรู้จักหรือใช้หยวนดิจิทัลเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้ผลน้อยกว่า ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีแรงจูงใจในการใช้เงินหยวนดิจิทัลมากขึ้นและกว้างขึ้น โดยนอกเหนือจากการบริโภคแล้ว ผู้เชี่ยวชาญชาวจีนคาดว่าการใช้เงินหยวนดิจิทัลจะขยายไปยังตลาดอื่นๆ รวมอยู่ในธุรกิจประเภทต่างๆ และครอบคลุมการชำระเงินจำนวนมากขึ้น
รายงานระบุว่า รัฐบาลในภูมิภาคต่างเร่งการใช้หยวนดิจิทัลในการชำระเงินบริการสาธารณะ การให้กู้ยืมทางการเงิน การชำระเงินข้ามพรมแดน บริการทางการแพทย์ และการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
ยกตัวอย่างเช่น เมืองซูโจวในมณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีนในเดือนเมษายน เปิดตัวสถานการณ์หยวนดิจิทัลครั้งแรกของประเทศเพื่อจ่ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่อยู่อาศัยสำหรับพนักงานที่ได้รับมอบหมาย ด้านเมืองฉางชูซึ่งอยู่ในมณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน เริ่มจ่ายเงินให้พนักงานภาครัฐเป็นสกุลเงินหยวนดิจิทัลในเดือนพฤษภาคม ขณะที่ปีที่แล้วทาง Postal Savings Bank of China เสร็จสิ้นการให้สินเชื่อเพื่อการบริโภครถยนต์ครั้งแรกในสกุลเงินหยวนดิจิทัล
นอกจากนี้ ภาครัฐในส่วนต่างๆ ได้เริ่มทยอยออกนโยบายสนับสนุนการใช้เงินหยวนดิจิทัลให้มากขึ้น เช่น ที่เมืองเซินเจิ้นทางตอนใต้ของจีนได้มีการเสนอที่จะร่วมมือกับเขตปกครองพิเศษฮ่องกงที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อทดลองใช้การชำระเงินการค้าข้ามพรมแดนในสกุลเงินหยวนดิจิทัล
ด้านมณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีนกล่าวว่า มณฑลจะสร้างสถานการณ์การใช้เงินหยวนดิจิทัลที่เป็นนวัตกรรมมากขึ้น และมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีนเสนอว่าในปี 2023 นี้ ระบบนิเวศของการใช้หยวนดิจิทัลและระบบนิเวศของการใช้ในอุตสาหกรรมควรได้รับการเสริมความแข็งแกร่งเพิ่มเติม
ผู้เชี่ยวชาญสรุปว่า เงินหยวนดิจิทัลได้นำเสนอการชำระเงินแบบใหม่ที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้มากขึ้นสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ซึ่งยังช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถซื้อขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมากได้ง่ายขึ้น ขณะที่การชำระเงินก็ปลอดภัยและคุ้มทุนมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ย้อนรอยวิกฤตคริปโต การล่มสลายของ FTX รอบนี้จะสั่นสะเทือนตลาดคริปโตได้เหมือนรอบ Mt.Gox ปี 2014 หรือไม่?
- บิล แอคแมน เริ่มใจอ่อน เผย มองคริปโตในมุมบวกมากขึ้น ถึงขั้นเริ่มเข้าลงทุนบ้างแล้ว
- แม้แต่ ‘จัสติน บีเบอร์’ ยังขาดทุน! ผลงาน NFT จาก Bored Ape Yacht Club ที่ซื้อมาด้วยราคา 46.4 ล้านบาท ตอนนี้หล่นลงเหลือ 2.5 ล้านบาท
อ้างอิง: