กิจกรรมการผลิตของจีนในเดือนธันวาคมหดตัวลงหลังรัฐบาลตัดสินใจปรับนโยบาย Zero-COVID แบบกะทันหัน นำไปสู่การแพร่ระบาดในหลายเมืองใหญ่ จนทำให้ผู้คนต้องอยู่บ้าน และธุรกิจต้องปิดตัวลงชั่วคราว
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตในเดือนธันวาคมอยู่ที่ระดับ 47 ลดลงจากเดือนพฤศจิกายนที่ระดับ 48 โดยตัวเลขดังกล่าวออกมาแย่กว่าที่ผลสำรวจมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ Bloomberg ได้คาดการณ์ไว้ที่ 47.8
ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิต ซึ่งวัดกิจกรรมในภาคบริการและการก่อสร้างปรับตัวลดลงรุนแรงยิ่งกว่า โดยปรับลดลงจากระดับ 46.7 ในเดือนพฤศจิกายนมาอยู่ที่ 41.6 ในเดือนธันวาคม ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 45 ค่อนข้างมาก ทั้งนี้ ระดับของดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว
ข้อมูลที่มีความถี่สูงบ่งชี้ว่า การหดตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจีนเป็นผลมาจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้คนเพิ่มความระมัดระวังด้วยการอยู่บ้านและหลีกเลี่ยงร้านค้า ในขณะที่การผลิตในโรงงานก็ถูกจำกัด มีการหยุดชะงักเช่นกัน
ขณะนี้เริ่มมีความกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายและการแพร่กระจายของโควิดอาจสร้างอุปสรรคต่อเศรษฐกิจจีนมากขึ้นยาวไปจนถึงช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 ซึ่งหากยังคงยืดเยื้อไปถึงช่วงเทศกาลวันหยุดตรุษจีนที่จะมีการเดินทางภายในประเทศสูงก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
ในรอบปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนต้องเผชิญกับแรงกดดันจากนโยบายควบคุมการแพร่ระบาด Zero-COVID ที่เข้มงวด ที่ส่งผลกระทบต่อการบริโภคและการผลิตภายในประเทศ ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ก็เผชิญกับความถดถอย ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ประเมินว่า GDP จีนในปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 3%
อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายต่างเชื่อมั่นว่าการตัดสินใจเปิดประเทศของจีนล่าสุดจะทำให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโตได้สูงขึ้นในปี 2566 โดย Bloomberg มองแนวโน้ม GDP จีนในปีหน้าว่าจะขยายตัวได้ที่ 4.8%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘จีนเปิดประเทศ’ เร็วกว่าคาด ประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศ เริ่ม 8 มกราคมปีหน้า
- ประกาศแล้ว! อิตาลีเตรียมบังคับผู้เดินทางจากจีนทุกรายตรวจโควิดก่อนเข้าประเทศ หลังพบผู้เดินทางจากจีนสู่มิลานครึ่งหนึ่ง ‘ติดโควิด’
- หอการค้าฯ มองตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติปีหน้าอาจสูงถึง 25 ล้านคน หลังจีนส่งสัญญาณเปิดประเทศ แนะภาคบริการเร่งเตรียมพร้อมรองรับ
อ้างอิง: