×

นักลงทุนแห่เก็งกำไรหุ้นจีน หลังรัฐบาลผ่อนคลายนโยบายการเงินในรอบ 14 ปี จับตาประชุมแผนเศรษฐกิจจีนปีหน้า 11-12 ธ.ค. นี้

10.12.2024
  • LOADING...
นักลงทุนแห่เก็งกำไรหุ้นจีน

ความเคลื่อนไหวของดัชนี Hang Seng China Enterprises ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ปรับตัวขึ้น 3.14% ในวันนี้ (10 ธันวาคม) หลังจากรัฐบาลจีนปรับเปลี่ยนจุดยืนนโยบายการเงินจาก ‘ระมัดระวัง’ เป็น ‘ผ่อนคลายปานกลาง’ เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี

 

การประกาศนี้มีขึ้นหลังจากการประชุมของกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่นำโดยประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ซึ่งเตรียมจัดประชุมประจำปีระหว่างวันที่ 11-12 ธันวาคมนี้ เพื่อกำหนดแผนเศรษฐกิจสำหรับปีหน้า

 

“ในปีหน้าพรรคต้องดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุกมากขึ้นและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายปานกลาง” แถลงการณ์ของรัฐบาลระบุ พร้อมเสริมว่าจำเป็นต้อง “เสริมความเข้มข้นสำหรับการดำเนินนโยบายแบบผ่อนคลายเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะชะลอตัว รวมทั้งกระตุ้นการบริโภคอย่างจริงจัง ปรับปรุงประสิทธิภาพการลงทุน และขยายอุปสงค์ในประเทศทุกด้าน”

 

ครั้งสุดท้ายที่จีนใช้นโยบาย ‘ผ่อนคลายปานกลาง’ คือในช่วงปลายปี 2008 หลังวิกฤตการเงินโลก และสิ้นสุดในปลายปี 2010 การเปลี่ยนจุดยืนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้นำจีนกำลังตระหนักถึงปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง

 

เศรษฐกิจจีนเผชิญแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดเป็นเวลาหลายเดือน สืบเนื่องจากวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้รัฐบาลประกาศมาตรการกระตุ้นการเงินในเดือนกันยายน และมาตรการทางการคลังในเดือนพฤศจิกายน โดยเน้นแก้ไขหนี้รัฐบาลท้องถิ่น

 

ข้อมูลในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนใกล้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ต่ำที่สุดในรอบ 5 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.5% ราคาสินค้าเดือนพฤศจิกายนลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม

 

ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 2.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 2.8%

 

นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs คาดหวังว่าการประชุมจะมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขอุปสรรคในการเติบโต พร้อมส่งสัญญาณถึงมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม โดยให้ความสำคัญกับการบริโภค การบริหารความเสี่ยง และการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูง

 

‘ทรัมป์’ อุปสรรคต่อการฟื้นตัวของจีน

 

โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคม 2025 ได้ประกาศว่าจะเพิ่มภาษี 10% สำหรับสินค้าจีน มากไปกว่านั้น ทรัมป์ยังเคยขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีเกิน 60% สำหรับสินค้าจีนในช่วงการหาเสียง

 

นักเศรษฐศาสตร์จาก Barclays ระบุว่า ภาษีที่ขู่เพิ่มขึ้นล่าสุดนี้น่าจะเป็นกลยุทธ์กดดันให้รัฐบาลจีนยอมเจรจาเรื่องการค้ากับสหรัฐฯ และคาดการณ์ว่าอาจลงเอยด้วยการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเพียง 30% แต่ถึงกระนั้น การขึ้นภาษีดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อ GDP ของจีนให้ลดลงถึง 1%

 

“มาตรการกระตุ้นครั้งใหญ่ (Policy Bazooka) อาจเกิดขึ้นหากภาษีของทรัมป์กระทบการส่งออกของจีนอย่างรุนแรง” ฮู นักวิเคราะห์จาก Macquarie กล่าว

 

ฮูกล่าวอีกว่า ภาคการส่งออกและการผลิตไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตในอัตรา 4-5% ต่อปีในทศวรรษหน้าได้อีกต่อไป เนื่องจากภาคส่วนเหล่านี้มีขนาดใหญ่เกินไปที่จะผลักดันการเติบโตในระยะยาว และยังเผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้า

จีนจำเป็นต้องผลักดันการบริโภคภายในประเทศให้เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ โดยตั้งเป้าหมายให้การบริโภคของภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็น 50% ของ GDP

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising