×

ตลาดอสังหาฯ จีนระทึก! Evergrande ส่อเบี้ยวหนี้ เหตุสภาพคล่องขาดมือ แจ้งระงับจ่ายดอกเบี้ย 20 ก.ย. นี้

16.09.2021
  • LOADING...
Evergrande

ธนาคารขนาดใหญ่ของจีนต่างได้รับแจ้งจากหน่วยงานที่ดูแลด้านอสังหาริมทรัพย์ว่า China Evergrande ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ของจีน จะไม่สามารถชำระดอกเบี้ยเงินกู้ได้ในวันครบกำหนด คือวันที่ 20 กันยายนที่จะถึงนี้ (ตามรายงานของ Bloomberg) และได้เน้นย้ำถึงผลกระทบในวงกว้างของวิกฤตสภาพคล่องของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์

 

โดยปัญหาสภาพคล่องฝืดของ Evergrande ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่เบอร์ 2 ของจีน ทำให้ความโกรธแค้นของกลุ่มนักลงทุนและผู้ซื้อบ้านปะทุขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อระบบการเงินขนาดใหญ่ของจีนอีกด้วย 

 

ทั้งนี้ Evergrande เป็นเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 1,300 โครงการในกว่า 280 เมืองในประเทศจีน

 

ทาง Bloomberg รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่คุ้นเคยว่า กระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมือง-ชนบท (MOHURD) จะจัดประชุมกับธนาคารในสัปดาห์นี้ โดยแหล่งข่าวได้ให้ข้อมูลเพิ่มว่า Evergrande ยังคงหารือกับภาคธนาคารเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการขยายเวลาการชำระเงินและหมุนเวียนเงินกู้บางส่วน

 

หน่วยงานกำกับดูแลได้เตือนถึงความเสี่ยงต่อระบบการเงินของประเทศในวงกว้าง หาก Evergrande ไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้สิน 3.05 แสนล้านดอลลาร์ครั้งนี้ได้ 

 

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Evergrande แจ้งว่าบริษัทได้ว่าจ้างที่ปรึกษาพิจารณาทางเลือกทางการเงินและตระหนักถึงความเสี่ยงที่จะอาจจะเพิ่มขึ้น หลังจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่กลับไม่สามารถปิดการขายได้ตามเป้า 

 

ทางด้านสำนักข่าว Reuters ได้สอบถามความคิดเห็นเพิ่มเติมต่อกระทรวงการเคหะฯ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ เช่นเดียวกันกับทาง Evergrande 

 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว REDD ผู้ให้บริการข่าวกรองทางการเงิน รายงานว่า Evergrande ได้บอกธนาคาร 2 แห่งว่ามีแผนที่จะระงับการจ่ายดอกเบี้ยที่ครบกำหนดในปลายเดือนนี้

 

ด้านบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของ Evergrande เพื่อสะท้อนกับปัญหาสภาพคล่องในปัจจุบัน โดย S&P ได้ปรับลดอันดับเครดิตของ Evergrande เป็น ‘CC’ จาก ‘CCC’ ด้วยแนวโน้มเชิงลบ สาเหตุหลักจากสภาพคล่องที่ลดลงและความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ในการปรับโครงสร้างหนี้

 

ขณะที่ Fitch ได้ปรับลดอันดับความเชื่อถือของกลุ่ม Evergrande เป็น ‘CC’ จาก ‘CCC’ เมื่อวันที่ 7 กันยายน และบ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ Evergrande จะผิดนัดชำระหนี้บางอย่าง นอกจากนี้ Fitch ยังได้เพิ่มผลกระทบโดยรวมต่อภาคการธนาคารเข้าไปด้วย

 

Fitch ระบุว่า เงินกู้ยืมของ Evergrande จำนวน 5.72 แสนล้านหยวน (8.88 หมื่นล้านดอลลาร์) ถือครองโดยธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ แต่ธนาคารอาจมีความเสี่ยงทางอ้อมกับซัพพลายเออร์ของ Evergrande ซึ่งเป็นหนี้ 6.67 แสนล้านหยวนสำหรับสินค้าและบริการ

 

“ธนาคารขนาดเล็กที่มีความเกี่ยวข้องกับ Evergrande หรือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นที่มีความเสี่ยงเช่นนี้ อาจเผชิญกับการเพิ่มขึ้นอย่างมากของ NPL ขึ้นอยู่กับว่าเหตุการณ์สินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับ Evergrande จะมีทางออกอย่างไร” Fitch กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ ผลการทดสอบความอ่อนไหวของธนาคารกลางจีน (PBOC) แสดงให้เห็นว่าอัตราส่วนเงินกองทุนเฉลี่ยของธนาคาร 4,000 แห่งในประเทศ จะลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากอัตราส่วน NPL สำหรับสินเชื่อเพื่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 0.15% 

 

ล่าสุด ทางด้าน Chengxin International (CCXI) หน่วยงานจัดอันดับของจีน ได้ปรับลดอันดับเครดิตของ Evergrande จากระดับ AA สู่ระดับ A และปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรและผู้ออกหุ้นกู้ สู่ระดับเฝ้าระวังเมื่อวานนี้ (15 กันยายน) ซึ่งนับเป็นการถูกลดอันดับเครดิตเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากบริษัทประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินและมีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระหนี้ 

 

การถูกลดอันดับเครดิตข้างต้น ทำให้ Hengda Real Estate Group Co., Ltd. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของ China Evergrande Group ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) เพื่อขอระงับการซื้อขายหุ้นกู้และพันธบัตรออนชอร์ของบริษัท โดยการยื่นขอระงับการซื้อขายดังกล่าวจะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 กันยายน ซึ่งบริษัทเปิดให้ทำการซื้อขายเฉพาะธุรกรรมที่มีการเจรจาเท่านั้น

 

ออสการ์ ชอย ผู้ก่อตั้งและ CIO ของ Oscar and Partners Capital Limited (OP Capital) กล่าวว่า รัฐบาลจีนจะพูดคุยกับเจ้าหนี้ของ Evergrande และใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อป้องกันไม่ให้อสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ต้องถูกทิ้งร้าง

 

“เพราะรัฐบาลไม่สามารถปล่อยให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ และส่งผลกระทบต่อผู้คนหลายแสนครอบครัว” เขากล่าว

 

เทเรซา คอง หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ของ Matthews Asia กล่าวว่า Evergrande ได้กระทำบาปสำคัญ 2 ประการ คือ การกู้เงินมากไป และการกำกับดูแลที่น่าสงสัย ซึ่งนำไปสู่วิกฤตหนี้ที่กำลังเผชิญอยู่ และนักลงทุนต้องเหนื่อยหนักกับเคสนี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วรัฐบาลจีนจะทำทุกทางเพื่อหลีกเลี่ยงการล้มละลายของ Evergrande

 

คองกล่าวเพิ่มว่า ตอนนี้ในตลาดหุ้นมีการใช้หลักประกัน (Leverage) กันสูงมาก ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญในการอธิบายว่าทำไมนักลงทุนควรต้องแน่ใจว่าสภาพคล่อง (ในการซื้อขาย) ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และอีกสิ่งที่ต้องมั่นใจคือ ต้องไม่มีความวุ่นวายทางสังคมเกิดขึ้นเพิ่มอีก เพราะ Evergrande เกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก ทั้งกลุ่มนักลงทุนและผู้บริโภค” 

 

ส่วนนักลงทุนต่างชาติอาจได้รับความสำคัญเป็นลำดับสุดท้าย โดยคองประเมินว่าผู้ลงทุนต่างชาติที่ถือหุ้นกู้ของ Evergrande นั้นเหนื่อยหนักอย่างแน่นอน ทั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการรักษาเสถียรภาพทางสังคม และนั่นหมายถึงการให้ผู้ซื้อบ้านเป็นอันดับแรก 

 

ขณะที่นักลงทุนประเภท Mom-and-pop หรือนักลงทุนรายย่อยที่มีประสบการณ์น้อยกว่า น่าจะได้รับความสำคัญเป็นอันดับที่ 2 

 

ด้านฝ่ายวิจัย บล.หยวนต้า ระบุว่ากรณีของ Evergrande ไม่ได้เซอร์ไพรส์ตลาดมากนัก เนื่องจากความเสี่ยงด้านฐานะทางการเงินของ Evergrande เป็นที่รับรู้ของตลาดมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังกดดันตลาดหุ้นฮ่องกงมาต่อเนื่อง โดยวานนี้ หลังจากมีข่าวออกมา ทำให้หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธนาคารเผชิญแรงขายอย่างหนัก 

 

“เมื่อวันที่ 15 กันยายน หน่วยงานทางการจีนคาดว่าดอกเบี้ยหุ้นกู้ของ Evergrande ที่จะครบกำหนดชำระ 20 กันยายนนี้ อาจจะไม่สามารถชำระดอกเบี้ยได้ และเช้าวันนี้ (16 กันยายน) ก็มีการประกาศว่าหุ้นกู้ของ Evergrande ในตลาดรองของจีนจะถูกระงับการซื้อขายตั้งแต่ 16 กันยายนเป็นต้นไป”

 

ทั้งนี้ กรณีนี้ยังต้องติดตามต่อว่า Evergrande จะแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งโดยปกติขององค์กรธุรกิจ เมื่อเผชิญความเสี่ยงด้านฐานะทางการเงิน มักจะตัดขายทรัพย์สินที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-core) ออกไปก่อน เพื่อดึงกระแสเงินสดเข้าสู่บริษัท ซึ่งที่ผ่านมา Evergrande ก็มีการลงทุนในธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม สโมสรฟุตบอล 

 

แนวทางถัดมาก็คือการเจรจาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ขอแฮร์คัต และขอยืดระยะเวลาจ่ายหนี้ 

 

สำหรับ  Evergrande เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ในจีน และยังเป็นบริษัทที่มีรายได้สูงติด 1 ใน 50 บริษัทชั้นนำของโลก จากการจัดอันดับของนิตยสาร Fortune 500 ด้วย โดยบริษัทมีโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 1,300 โครงการ ในกว่า 280 เมือง 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising