ธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PBOC) ได้ขยายการทดสอบเงินหยวนดิจิทัล หรือ e-CNY ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ของจีน โดยจะเพิ่มการทดสอบไปยังมณฑลเจียงซู เหอเป่ย์ เสฉวน และกวางตุ้ง
จีนขยายการทดสอบ e-CNY เพิ่มอีก 4 มณฑล
รายงานของ South China Morning Post เปิดเผยว่า ธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PBOC) ได้เพิ่มมณฑลเจียงซู เหอเป่ย์ เสฉวน และกวางตุ้ง เข้ามาในโครงการทดสอบเงินหยวนดิจิทัล หรือ e-CNY ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ของประเทศ เริ่มเข้าใกล้การเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- นักวิชาการเผย การสร้าง ‘เงินดิจิทัล’ ให้ได้รับการยอมรับเป็นความท้าทายในยุคดิจิทัล พร้อมเปิด 3 เงื่อนไขหนุนเงินดิจิทัลแทนที่เงินสด
- ‘จีน’ ผนึก ‘รัสเซีย’ ดันสกุลเงินกลุ่ม BRICS เป็นทางเลือกชำระเงิน หวังคานอำนาจดอลลาร์สหรัฐ
- ไมเคิล เบอร์รี เตือนการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีต้นตอจากตลาดคริปโต
มณฑลเจียงซู เหอเป่ย์ เสฉวน และกวางตุ้ง นับว่าเป็นศูนย์กลางการค้าของประเทศ และเป็นภูมิภาคที่มีประชากรหนาแน่น การขยายโครงการทดสอบครั้งนี้จะช่วยให้ PBOC นำร่องแอปพลิเคชันสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากขึ้นได้
จีนได้รุกหนักในการทดลองใช้สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางในประเทศ (CBDC) เกิดขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยมีการทดลองใช้ในหลายเมือง รวมถึงรูปแบบลอตเตอรี่ นอกจากนี้ร้านค้าต่างๆ จำนวนมากยังยอมรับการชำระเงินเป็น e-CNY อย่างกว้างขวาง
จีนได้ทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2020 โดยผู้ที่อาศัยอยู่ใน 23 เขตนำร่องสามารถดาวน์โหลดแอป e-Wallets ลงบนมือถือได้ ซึ่งจะมีการผูกกับธนาคารและแพลตฟอร์มการชำระเงินยอดนิยม เช่น Alipay จากข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2021 เปิดเผยว่า มีผู้ใช้งานแพลตฟอร์มมากถึง 261 ล้านราย และร้านค้าประมาณ 4.5 ล้านร้านค้ารองรับเงินหยวนดิจิทัลได้
นอกจากนี้ยังมีการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินดิจิทัลไปมากกว่า 260 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 83 พันล้านหยวน หรือ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่เริ่มทดสอบจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
จ่อแซงหน้าสหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกอื่นๆ
แม้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่างแสดงเจตจำนงที่จะพัฒนา CBDC เพื่อตอบสนองต่อการใช้สกุลเงินดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น แต่จีนได้กลายเป็นผู้นำครั้งนี้แซงหน้าสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และรัสเซีย รวมถึงเกาหลีใต้และสวีเดนที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบในช่วงปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เงินหยวนดิจิทัล หรือ e-CNY ถูกตั้งคำถามอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความเป็นส่วนตัว (Privacy) ซึ่งข้อมูลส่วนตัวและรายละเอียดการทำธุรกรรมจะถูกบันทึกไว้หมด ด้วยเหตุนี้วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ จึงเสนอให้แบนหยวนดิจิทัล เนื่องจากอาจถูกควบคุมและถูกสอดแนมได้ แม้ว่าสถานเอกอัครราชทูตจีนในกรุงวอชิงตันจะออกมาปฏิเสธประเด็นนี้ก็ตาม
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง: