×

เปิดมุมมอง เชอร์รี่-พัชทรี ภักดีบุตร กับก้าวที่แพ้ได้ แต่ต้องลุกเป็นของแบรนด์ Erb

08.01.2022
  • LOADING...
เชอร์รี่-พัชทรี ภักดีบุตร

HIGHLIGHTS

3 mins. read
  • พาทุกคนไปสำรวจมุมมองของ เชอร์รี่-พัชทรี ภักดีบุตร ผู้บริหารหัวใจแกร่งคนนี้ ว่าเธอประคับประคองแบรนด์ Erb ให้เอาตัวรอดจากวิกฤตทางธุรกิจมาได้อย่างไร 

Erb เป็นแบรนด์สัญชาติไทยที่ก่อตั้งโดย เชอร์รี่-พัชทรี ภักดีบุตร ต้องยอมรับว่าแต่ก่อนยอดขายของแบรนด์ที่กวาดรายได้มากถึง 40% มาจากการส่งออกและขายชาวต่างชาติ แต่หลังจากแบรนด์ต้องเผชิญกับผลกระทบจากโควิด ทำให้หัวเรือใหญ่อย่าง เชอร์รี่-พัชทรี ภักดีบุตร ต้องทบทวนสถานการณ์ ผ่านการตั้งสติ ยอมรับความพ่ายแพ้ และกล้าที่ลุกขึ้นใหม่ ไปพร้อมๆ กับการปรับองค์กร และดึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มาร่วมงานมากขึ้น จากบทเรียนที่ผ่านมาทำให้เธอเข้าใจแล้วว่าท่ามกลางสถานการณ์แย่ๆ บางครั้งมันก็ช่วยให้ได้ค้นพบตัวเองว่ายังสามารถมีความคิดและชีวิตใหม่ๆ ได้เช่นกัน THE STANDARD POP จึงอยากพาทุกคนไปสำรวจมุมมองของผู้บริหารหัวใจแกร่งคนนี้ว่าเธอประคับประคองแบรนด์ Erb ให้เอาตัวรอดจากวิกฤตแย่ๆ มาได้อย่างไร 

 

แบรนด์ Erb เป็นอย่างไรในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

เชอร์รี่: ตอนที่เราเผชิญกับการระบาดใหญ่ของโควิด ต้องบอกว่า แบรนด์ Erb อยู่ในช่วงเวลาที่เรียกว่า Struggle มากๆ เราต้องดิ้นๆ เพื่อต่อสู้กับสถานการณ์ จนถึงจุดที่ตัวเองต้องหยุดว่า แล้วเราจะดิ้นไปทำไมเหรอ เอาเข้าจริงๆ เราก็ค้นพบว่าเวลาที่บ่วงมันรัดตัวมากๆ อย่างเหตุการณ์นั้น จริงๆ มันต้องไม่ดิ้น เราต้องทำตัวให้นิ่งและเสถียร เพื่อจะเรียกคืนสติให้กลับมา ตอนนั้นก็เลยบอกตัวเองว่า “โอเค งั้นฉันขอยอมแพ้” เพราะโควิดมันเป็นอะไรที่ไม่มีใครคาดการณ์และควบคุมมันได้ เพราะเราต่างโดนผลกระทบจากมันทุกคน เพราะฉะนั้นเลยยอมแพ้มันก่อน เพราะมันดันกลายเป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้แต่มันก็เป็นไปแล้ว พอเรายอมแพ้ปุ๊บ สติก็มา ก็เริ่มคิดว่ายอมแพ้แล้วจะเอายังไงต่อ แต่อย่างไรก็ไม่อยากพูดว่ามันเป็นข้อดีนะ แต่มันก็ช่วยให้เกิดการปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่ของทั้งตัวพี่เองและตัวแบรนด์ Erb เอง ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ มันสอนให้พวกเรารู้จักปรับตัว ทำให้ค้นพบว่าเราสามารถมีความคิดใหม่ๆ มีชีวิตใหม่ๆ และเราก็ยอมที่จะดิสรัปต์ตัวเอง ให้ตัวเองได้มีโอกาสเปลี่ยนคนใหม่ กับเหตุการณ์ผลกระทบทางธุรกิจต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น คนอื่นก็แพ้ราบคาบ ฉันก็แพ้เหมือนกัน 

 

การปรับตัวครั้งใหญ่ของแบรนด์ Erb 

เชอร์รี่: แบรนด์ Erb เกิดการปรับองค์กรใหม่หมด เราเน้นบุกดิจิทัลมากขึ้น การขายออนไลน์ส่งผลให้แบรนด์ดีขึ้นเยอะมาก เรามองลูกค้าไทยเป็นหลักมากขึ้น จากที่แต่เดิมเราส่งออกและขายนักท่องเที่ยวมากถึง 40% ของยอดขายทั้งหมด ถือว่าเยอะมาก ตอนนี้เรากลับมาทำมาร์เกตติ้งที่มุ่งเน้นคนไทยมากขึ้น และโดยเนื้อแท้ของผลิตภัณฑ์เรามันดีทุกตัว มันแก้ปัญหาได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็น Umderarm หรือพวก Body Oil หรือ Scrub ต่างๆ ก็ดี เราจึงมุ่งเน้นการพูดถึงคุณภาพของสินค้ามากขึ้น การเจาะเข้าไปที่คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์แต่ละตัว ทำให้ยอดขายของเรากลับมาดีขึ้น

 

และคนไทยกลับมาสนใจและกลายเป็นลูกค้าหลักมากขึ้น แม้ว่ามันภาพรวมมันจะดีได้ไม่เท่าเดิมก่อนเกิดวิกฤต แต่มันก็ดีที่ทำให้เอาตัวรอดมาได้ นี่แหละคือสิ่งที่เราได้เรียนรู้กับตัวเองว่าไม่มีอะไรที่แปลว่าศูนย์หรอก เพราะมันจะมีทางอื่นๆ ที่เราสามารถเลี้ยวไปได้อีก เราตกจากบันไดอันเก่า เราก็ได้เรียนรู้ว่ายังมีบันไดใหม่ๆ ให้เราก้าวขึ้นไปได้อีกนะ มันทำให้เราได้มองเห็นข้อดีของตัวเองในมุมอื่นๆ 

 

ความรู้สึกส่วนตัวมีอะไรที่เปลี่ยนไปหรือไม่ หลังจากที่มีการปรับองค์กร

เชอร์รี่: ส่วนตัวรู้สึกว่าได้เปลี่ยนตัวเองไปเยอะ สนุกกับการมีชีวิตใหม่ สนุกกับทำงานกับทีมงานใหม่ๆ เพราะต้องยอมรับว่าตอนเกิดวิกฤต ทีมงานเก่าๆ บางคนก็ตกใจหนีไปก็มี พอเราปรับเปลี่ยนองค์กรและระบบใหม่ อะไรมันก็เริ่มดีขึ้น เข้าที่เข้าทางมากขึ้น ตอนนี้เราไม่เก็บสต๊อกไว้กับตัว เราให้ Outsource ไปจัดการดูแลสต๊อกให้เรา เรามีทีมที่ Professional มากขึ้นมาช่วยดูแลเรื่องการเงินและยอดขายทั้งหมด และในทีมมาร์เกตติ้ง พี่ก็รับเด็กรุ่นใหม่หมดเลย เพราะคิดว่ายุคนี้มันคือโลกของเขาเลย เราจะสื่อสารด้วยภาษาใหม่ๆ คำพูดแบบใหม่ ถ้าเป็นสมัยก่อนเราคงไม่ใช้คำว่า ปังมากแม่ อะไรแบบนี้ แต่ยุคนี้ต้องเปิดทางให้คนรุ่นใหม่เลย เพราะเมสเสจที่มันจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย บางทีคนรุ่นใหม่เขารู้ดีกว่าเรา เราเลยเปลี่ยนโครงสร้างบริษัทและปรับวัฒนธรรมองค์กรอีกเล็กน้อย เพื่อให้ทุกอย่างสามารถทำงานไปด้วยกันอย่างก้าวทันการตลาดยุคใหม่ๆ ในปัจจุบัน

 

อุปสรรคของการปรับองค์กรครั้งใหญ่ที่ได้เจอกับตัว

เชอร์รี่: สิ่งที่อยากแชร์คือ ตอนแรกๆ ตัวเองอาจจะใจร้อน อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วๆ แต่ตอนหลังก็เข้าใจแล้วว่าเราต้องหนักแน่น และทุกวันนี้ก็ขอบคุณตัวเองเลยนะ “รี่ เธอนี่มันช่างทนจริงๆ” มันทำให้เรารู้สึกรักตัวเองมากขึ้นไปอีก เพราะเราค้นพบว่าเราก็เป็นคนหนึ่งที่อดทนเก่งนี่ ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะอดทนอะไรได้ขนาดนี้ และเมื่อฉันปักหลักตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้ว ฉันสามารถที่จะทำให้ดีที่สุด ฉันจะสู้จนถึงที่สุด ถ้าฉันแพ้อีกก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เพราะฉะนั้นฉันจะลองไปให้สุด แล้วค่อยๆ เดินไป 

 

แผนสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น

เชอร์รี่: กำลังจะมี คือเรามองว่าอย่างผลิตภัณฑ์ Underarm ของเราขายดีมาก จริงๆ ในประเทศไทยไม่มีสูตรแบบเราที่เป็นธรรมชาติมากๆ คนใช้แล้วเห็นผลเขาก็ติดใจ เราเลยคิดว่าเรามีสมุนไพรและการพัฒนาสูตร ก็เลยตั้งใจว่าจะขยายมันออกไปอีก ต่อไปก็จะมีผลิตภัณฑ์ที่ Specialty เพิ่มการดูแลอย่างเป็นพิเศษในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ที่เน้นสมุนไพร เน้นความเป็นธรรมชาติมากขึ้นไปอีก 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising