×

ปฏิบัติการกระชากตัว ‘ไค ฮาเวิร์ตซ์’ และแผนการยกระดับเชลซีสู่ยุคใหม่แบบเต็มตัว

22.07.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 MINS. READ
  • เชลซีเป็นทีมเดียวที่มีความพร้อมในการเจรจากับเลเวอร์คูเซนอย่างจริงจังในการคว้าตัว ไค ฮาเวิร์ตซ์ ขณะที่คู่แข่งไม่พร้อมจ่ายเงินมหาศาลในช่วงนี้
  • เดิมฮาเวิร์ตซ์บ่ายเบี่ยงการย้ายมาเล่นในลีกใหญ่ แต่เริ่มเปลี่ยนใจหลังจากที่ได้พูดคุยกับ แฟรงค์ แลมพาร์ด 
  • แนวรุกไม่ใช่จุดเดียวที่เชลซีจะเสริมทัพ เพราะมีแผนที่จะปรับปรุงทีมทุกจุด รวมถึงการทดแทนผู้เล่นตัวเก่าๆ หลายรายที่จะจากทีมไป

ดูเหมือนจะเป็นอีกครั้งที่แฟนบอลของหลายสโมสรดังในยุโรปต่างต้องตาร้อนผ่าว เมื่อได้เห็นข่าวที่เชลซีกำลังเดินหน้าเพื่อคว้าตัว ไค​ ฮาเวิร์ตซ์ ดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดของศึกฟุตบอลบุนเดสลีกาในฤดูกาล 2019-20 ที่ผ่านมา

 

ตามรายงานข่าวจากต่างประเทศระบุว่าการเจรจามีความคืบหน้าไปมาก โดยใกล้ตกลงในรายละเอียดสัญญาส่วนตัวกับกองหน้าวัย 21 ปีได้แล้ว โดยฮาเวิร์ตซ์ซึ่งเดิมมีท่าทีที่ยังไม่พร้อมสำหรับการย้ายมาเล่นในลีกใหญ่กว่าอย่างพรีเมียร์ลีกได้เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา โดยเฉพาะหลังการพูดคุยกับทางด้าน แฟรงค์ แลมพาร์ด นายใหญ่เชลซี ที่สร้างความประทับใจและความมั่นใจให้อย่างมาก

 

ก่อนหน้านี้ฮาเวิร์ตซ์มีข่าวว่าเป็นที่ต้องการของบาเยิร์น มิวนิก แต่แชมป์บุนเดสลีกาเพิ่งคว้าตัว ลีรอย ซาเน มาร่วมทีมได้สำเร็จ และในแนวรุกยังมี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี อยู่ ทำให้ไม่มีความจำเป็นจะต้องรีบเร่งควักกระเป๋า ขณะที่เรอัล มาดริด อีกหนึ่งทีมที่ดาวยิงหน้าหยกสนใจก็ไม่มีนโยบายสำหรับการทุ่มเงินในสถานการณ์นี้

 

โอกาสในการได้ร่วมงานกับเชลซีที่กำลังก้าวไปสู่ทิศทางใหม่ที่แตกต่างจากภาพลักษณ์ในอดีตของทีมจอมทุ่มแบบหน้ามืดมาเป็นทีมที่มีทิศทางในการบริหารสโมสรที่ชัดเจนภายใต้การนำของ มารินา กรานอฟสกายา ผู้อำนวยการสโมสรสาว สไตล์การเล่นที่เร้าใจ และเต็มไปด้วยผู้เล่นที่มีอนาคตสดใส และยังแทบจะการันตีโอกาสในการไปเล่นในแชมเปียนส์​ลีกในฤดูกาลหน้าแล้วจึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจ

 

เมื่อรวมกับการที่เชลซีเป็นสโมสรใหญ่เพียงแห่งเดียวที่สามารถจ่ายเงินตามที่ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ต้องการค่าตัวสำหรับกองหน้าที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น The Next Big Thing ของวงการฟุตบอลรายนี้ เพราะคู่แข่งอย่างเรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา, บาเยิร์น มิวนิก, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ซึ่งเป้าหมายหลักอยู่ที่ จาดอน ซานโช) และลิเวอร์พูล ต่างไม่พร้อมสำหรับการจ่ายเงินมหาศาลในสถานการณ์ปัจจุบันที่โลกเผชิญกับวิกฤตโควิด-19

 

เชลซีซึ่งมีเงินก้นถุงติดกระเป๋าจากการขาย เอเดน อาซาร์ ให้เรอัล มาดริด ในฤดูกาลที่แล้ว และมีงบประมาณเหลือจากการที่ไม่ได้ใช้เงินในการเสริมทีมในช่วง 1 ปีก่อนหน้านี้จากที่เคยโดนลงโทษแบนห้ามซื้อผู้เล่น (ก่อนโทษจะถูกลดทอนลงในเวลาต่อมา) ยังมองว่าหลังปีแห่งความตื่นเต้นภายใต้การนำของแลมพาร์ดที่สามารถสร้างทีมยุคใหม่ด้วยผู้เล่นสายเลือดใหม่ที่มาจากผลผลิตของสโมสร และการที่คู่แข่งขยับเขยื้อนไม่ได้คือโอกาสดีที่จะรีบเร่งเสริมทัพด้วยตัวผู้เล่นที่นอกจากจะมีฝีเท้าที่โดดเด่นและมีอนาคตไกล ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์สำเร็จรูปเหมือนในอดีต

 

เรียกว่าเป็นการลงทุนที่มีความคุ้มค่าน่าเสี่ยง ซึ่งความจริงกลยุทธ์นี้เริ่มมาตั้งแต่การเสริมทัพในรายของ คริสเตียน พูลิซิช ก่อนจะมาถึง มัตเตโอ โควาซิช จากนั้นคือรายของ ฮาคิม ซิเยค ปีกตัวเก่งของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และรายที่ถือเป็น Game Changer ของเชลซีคือ ติโม แวร์เนอร์ ดาวยิงตัวเก่งของแอร์เบ ไลป์ซิก ที่เดิมลิเวอร์พูลเป็นตัวเต็งจะได้ไป ก็สามารถตัดหน้าคว้าตัวมาร่วมทีมได้สำเร็จจากความพยายามของทีมเจรจาที่เกลี้ยกล่อมจนมัดใจดาวยิงผู้ร้อนแรงได้สำเร็จ

 

ในรายของฮาเวิร์ตซ์เองก็ไม่แตกต่างกัน ด้วยวัยเพียง 21 ปี ด้วยศักยภาพในตัวที่มีโอกาสจะก้าวมาเป็นซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของวงการได้ ประเมินแล้วโอกาสได้มากกว่าเสียสูงมาก

 

ขณะที่เลเวอร์คูเซน การได้ค่าตัวกลับมาที่ 70 ล้านปอนด์เป็นอย่างน้อยโดยที่อาจไต่ไปถึง 80 ล้านปอนด์สำหรับนักเตะที่เหลือระยะเวลาในสัญญาแค่ 2 ปี ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครรู้ว่าโลกจะกลับมาเป็นปกติได้เร็วหรือช้าแค่ไหนก็เป็นทางเลือกที่ไม่ขี้เหร่

 

เรียกว่าเป็นดีลที่ทั้งสามฝ่าย ‘วิน-วิน-วิน’ ได้กันถ้วนหน้า ที่เหลือจึงอยู่แค่การตกลงกันให้ได้อย่างเป็นทางการเท่านั้น ซึ่งโอกาสจะจบลงด้วยการจับมือกันมีสูงกว่ามาก

 

เบน ชิลเวลล์ เป็นหนึ่งในเป้าหมายของเชลซีมายาวนาน

 

เชลซียุคใหม่ ไม่จบแค่สามประสานแดนหน้า

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากได้ตัวฮาเวิร์ตซ์ตามหลังแวร์เนอร์และซิเยคจริง นั่นย่อมทำให้เชลซีกลายเป็นทีมที่น่าจับตามองในทันที

 

เพราะพวกเขาจะได้แนวรุกใหม่ 3 ตัวที่ล้วนเป็นของดีมีเกรด ไม่เพียงแต่ยังสามารถพัฒนาขีดความสามารถของตัวเองได้แล้ว ยังสามารถยกระดับทีมในเรื่องของเกมรุกได้แทบจะทันทีด้วย

 

ซิเยคเป็นหนึ่งในปีกที่โดดเด่นมายาวนานหลายปี ด้วยสไตล์การเล่นแบบปีกจอมเทคนิคสายแอฟริกันในแนวทางเดียวกับ ริยาด มาห์เรซ ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ดูจะพลิ้วไหวมากกว่าและมีลูกอภินิหารให้เห็นในบางครั้งจะเข้ามาเสริมเกมริมเส้นของเชลซีให้น่าเกรงขามขึ้นไปอีก และเป็นตัวทดแทนการขาดหายของ วิลเลียน และเปโดร โรดริเกซ สองจอมเก๋าที่ขออำลาทีมหลังจบฤดูกาลนี้

 

โดยตัวเลือกในริมเส้นยังมีพูลิซิชซึ่งกำลังแรงขึ้นอย่างน่าสนใจในช่วงหลังฟุตบอลกลับมารีสตาร์ท รวมถึงตัวเลือกจากอคาเดมีอย่าง เมสัน เมาท์ และแคลลัม ฮัดสัน-โอดอย เด็กดันจากอคาเดมีของเชลซีด้วย

 

ขณะที่แวร์เนอร์สามารถเล่นได้ทั้งบทของศูนย์หน้าตัวเป้า กองหน้าตัวต่ำ หรือกองหน้าริมเส้นฝั่งซ้าย ด้วยสไตล์การเล่นแบบระเบิดเดินได้ที่พร้อมจะ ‘บอมบ์’ คู่แข่งได้ทุกเมื่อด้วยความสามารถในการหาพื้นที่และโอกาสในการทำประตู

 

การมาของกองหน้าวัย 24 ปี เดิมยังถูกคาดหวังจะเป็นตัวกระตุ้นฟอร์มของ แทมมี อับราฮัม ไปด้วยในตัว

 

ขณะที่รายของฮาเวิร์ตซ์ ปกติแล้วจะเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก แต่ก็สามารถขยับขึ้นไปเล่นในแดนหน้าได้ด้วย โดยในช่วงหลังได้โอกาสขยับขึ้นไปยืนสูงบ่อย และสามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ แต่กับเชลซีแล้วต้องรอดูว่าหากได้ตัวมาจริง แลมพาร์ดจะต้องการใช้งานแบบไหน 

 

อย่างไรก็ดี สามประสานแดนหน้าเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการปรับปรุงทีมขนานใหญ่ เพราะเชลซียังมีแผนในการปรับทัพเสริมทีมอีกแทบทุกจุด

 

ในตำแหน่งผู้รักษาประตูอนาคตของ เกปา อาร์ริซาบาลากา ยังน่าเป็นห่วง และมีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีประตูใหม่เข้ามาเพื่อกดดันหรือแทนที่ โดยเป้าหมายอยู่ที่ นิค โป๊ป ของเบิร์นลีย์ และอันเดร โอนานา ของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

 

ส่วน แยน โอบลัค มือกาวระดับโลกของแอตเลติโก มาดริด ที่มีข่าวว่าเชลซีสนใจ และอาจจะใช้เกปาเป็นตัวแลกเปลี่ยน โอกาสที่จะตกลงกันได้เป็นเรื่องที่ยาก

 

ในแดนหลังเป็นจุดอ่อนสำคัญของทีม เนื่องจากผู้เล่นที่มีอยู่ตอนนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอและขาดความสม่ำเสมอ โดยเป้าหมายหลักอยู่ที่ คาลิดู คูลิบาลี จากนาโปลี และมิลาน สครีเนียร์ จากอินเตอร์ มิลาน เพียงแต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวในเวลานี้

 

นาธาน อาเก เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่อาจจะโดนดึงตัวกลับมา โดยเฉพาะหากบอร์นมัธ ตกชั้นในฤดูกาลนี้ โอกาสในการได้ตัวจะง่ายขึ้น เพียงแต่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เองก็สนใจในตัวกองหลังรายนี้เช่นกัน เพราะเป็นเซ็นเตอร์แบ็กที่เล่นด้วยเท้าซ้าย ซึ่งหาได้ยาก

 

อีกหนึ่งคนที่มีข่าวเชื่อมโยงและน่าสนใจคือ ดีแคลน ไรซ์ จากเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่แม้จะเป็นกองกลาง แต่สมัยเล่นในทีมเยาวชนของเชลซีก็เล่นเป็นกองหลังมาก่อน ความสารพัดประโยชน์ ความเป็นดาวรุ่ง และความเป็นนักเตะอังกฤษทำให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ

 

ในทางตรงกันข้าม แลมพาร์ดพร้อมปล่อย เคิร์ต ซูมา ออกจากทีมหากได้ราคาที่ดีพอ ขณะที่ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ กองหลังทีมชาติเยอรมันในวัย 27 ปี และอันเดรียส คริสเตียนเซน ในวัย 24 ปียังไม่ได้รับการเสนอสัญญาใหม่ ซึ่งสะท้อนว่าอาจไม่อยู่ในแผนการทำทีมระยะยาว เช่นกันกับ ฟิกาโย โตโมรี ที่หากมีกองหลังใหม่เข้ามาก็อาจโดนปล่อยยืมตัว

 

แบ็กซ้ายเป็นอีกจุดที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง โดยเชลซีพร้อมปล่อย เอเมอร์สัน หรือมาร์กอส อลอนโซ คนใดคนหนึ่งออกจากทีม เพียงแต่กาารคว้าตัว เบน ชิลเวลล์ จากเลสเตอร์ ซิตี้ อาจเป็นเรื่องยากตอนนี้ในการจ่ายเงิน 60 ล้านปอนด์

 

ตัวเลือกอีกรายที่น่าสนใจคือ นิโกลัส ตาเกลียฟิโก แบ็กซ้ายจอมบุกของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่ราคาย่อมเยากว่า

 

ขณะที่แดนกลางมีโอกาสที่เชลซีจะปล่อยตัว จอร์จินโญ หรือเอ็นโกโล ก็องเต ออกจากทีม โดยรายแรกมีข่าวว่า เมาริซิโอ ซาร์รี อยากดึงตัวไปอยู่ด้วยที่ยูเวนตุส ขณะที่รายหลังอินเตอร์ มิลาน และเรอัล มาดริด จับตามองอยู่

 

หากสองรายนี้หรือรายใดรายหนึ่งย้ายออกไป แลมพาร์ดและทีมงานจะหาตัวทดแทนมาอย่างแน่นอน

 

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเชลซีไม่ได้คิดแค่การเปลี่ยนแปลงผู้เล่นในแดนหน้า แต่ต้องการปรับปรุงทีมทุกจุดเพื่อกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ให้ได้อีกครั้ง และเป็นการปรับปรุงทีมแบบมีหลักการ ไม่ได้ซื้อมาเรื่อยเปื่อย ผู้เล่นทุกคนที่อยู่ในข่ายล้วนเป็นนักเตะแห่งอนาคต ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ของสโมสร 

 

ในเวลาเดียวกันก็มีความน่าสนใจว่าเชลซีและแลมพาร์ดจะยังคงให้โอกาสกับเด็กดาวรุ่งในทีมอย่าง เมาท์, อับราฮัม, ฮัดสัน-โอดอย, รูเบน ลอฟตัส-ชีค, บิลลี กิลมัวร์ ต่อไปหรือไม่ในฤดูกาลหน้า หลังจากที่ได้รับคำชมอย่างมากในการให้โอกาสดาวรุ่งในทีม (ซึ่งก็เกิดจากการที่ทีมเสริมทัพไม่ได้) ตรงนี้ต้องจับตาดูกันอีกครั้ง 

 

แต่ที่แน่นอนคือถ้าเป็นไปตามนี้จริงทั้งหมด เชลซีคือทีมที่น่าจับตามองมากที่สุดทีมหนึ่งในฤดูกาลหน้า

 

เป็นการกลับมาของ ‘สิงห์บลูส์’ โฉมใหม่ที่น่าสนใจจริงๆ

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising