เชลซียังคงเดินหน้าตามนโยบายเสริมทัพดาวรุ่งอย่างต่อเนื่อง หลังมีการยืนยันว่า ทัพสิงโตน้ำเงินครามได้บรรลุข้อตกลงคว้าตัว ดาริโอ เอสซูโก และ จีโอวานี เควนดา 2 ดาวรุ่งอนาคตไกลจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน มาร่วมทีม ด้วยค่าตัวรวมกันราว 62.5 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นการตอกย้ำแนวทางการสร้างทีมระยะยาวของพวกเขา
แต่คำถามสำคัญคือ ทั้งดาวรุ่ง 2 คนนี้เป็นใคร? ทำไมเชลซียังกล้าเซ็นสัญญาเพิ่ม ทั้งที่ขุมกำลังแน่นทีม? และพวกเขาบริหารการเงินอย่างไรให้ไม่ผิดกฎ?
รายละเอียดดีลของ เอสซูโก และ เควนดา
จิโอวานี เควนดา วัย 17 ปี จะย้ายไปเชลซีด้วยค่าตัวเกือบ 44 ล้านปอนด์ โดยกรณีนี้ ตามรายงานของ BBC Sport ระบุว่า เชลซีสามารถเซ็นสัญญาได้ในราคาประมาณครึ่งหนึ่งของค่าฉีกสัญญาที่ตั้งไว้ถึง 100 ล้านยูโร โดย เควนดา จะยังคงอยู่กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ต่อไปจนจบฤดูกาลหน้า ก่อนย้ายเข้าสู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่ออายุครบ 18 ปี
ขณะที่ ดาริโอ เอสซูโก วัย 20 ปี มีค่าตัวราวที่ 18.5 ล้านปอนด์ ปัจจุบันถูกปล่อยยืมให้ ลาส พัลมาส ในลาลีกา และจะเข้าร่วมเชลซีทันทีหลังจบฤดูกาลนี้
จุดเด่นของ เอสซูโก และ เควนดา
ดาริโอ เอสซูโก เป็นกองกลางตัวรับที่แข็งแกร่ง ถูกมองว่า มีสไตล์การเล่นใกล้เคียงกับ ดีแคลน ไรซ์ และ มอยเซส ไกเซโด้ มีพละกำลังสูง และเล่นเกมรับได้ดี แต่ยังคงต้องปรับปรุงเรื่องวินัยในเกม หลังได้รับใบแดง 2 ครั้งจาก 4 เกมล่าสุดกับ ลาส พัลมาส
ส่วน จิโอวานี เควนดา สามารถเล่นในตำแหน่งปีกและมิดฟิลด์ตัวรุก เป็นเด็กที่มีเทคนิคการเล่นดี และสามารถเล่นได้หลายบทบาทในแดนรุก เป็นแข้งดาวรุ่งที่น่าจับตามองของโปรตุเกส โดยก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของ ลิสบอน และลงเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ก่อนจะยิงประตูแรกในลีกให้กับทีมในเกมพบบุกชนะ ฟามาลิเกา 3-0 เมื่อปี 2024
นอกจากนี้ มาริอานา เฟร์นันเดส นักข่าวฟุตบอลโปรตุเกส ให้ข้อมูลเสริมเกี่ยวกับ ทักษะของ เควนดา ไว้ว่า “เขาเป็นนักเตะที่สร้างสรรค์เกมได้ดีมาก มีศักยภาพสูง เขาเล่นเป็นปีกขวา แต่ถนัดเท้าซ้าย ทว่าในขณะเดียวกันเขาก็สามารถลากบอลผ่านคู่แข่งด้วยเท้าขวา ซึ่งทำให้กองหลังสับสนว่าจะรับมือกับเขาอย่างไร เขาทั้งเร็ว ฉลาด และมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าวัยในแง่ของการเปลี่ยนเกมให้กับทีม”
ทำไมเชลซีถึงเซ็นสัญญานักเตะเพิ่มเติม..ทั้งที่นักเตะล้นทีม
การเซ็นสัญญาทั้ง 2 คนถือเป็นการตอกย้ำนโยบายเซ็นดาวรุ่งที่ทีมทำมาอย่างต่อเนื่อง ในยุคการบริหารทีมที่นำโดย ท็อดด์ โบห์ลีย์ และกลุ่มทุน Clearlake Capital ที่เน้นการสร้างทีมในระยะยาว
แม้ว่าทีมจะมีขุมกำลังล้น แต่การยึดแนวทางสร้างทีมระยะยาว โดยเน้นการดึงดาวรุ่งพรสวรรค์สูงเข้ามาพัฒนาเพื่ออนาคต ซึ่งช่วยลดภาระค่าตัวนักเตะระดับท็อปในอนาคต และยังสามารถปล่อยยืมหรือขายทำกำไรได้หากนักเตะบางรายไม่สามารถแจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่ และยังมองว่าการแข่งขันที่สูงในทีมจะเป็นการกระตุ้นให้ผู้เล่นต้องพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
เชลซีใช้กลยุทธ์อะไรเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดกฎการเงิน?
เชลซีคือทีมที่ใช้เงินเสริมทัพไปมหาศาลตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่พวกเขายังสามารถบริหารการเงินให้ไม่ผิดกฎ PSR (Profit and Sustainability Rules) ของพรีเมียร์ลีก และ FFP (Financial Fair Play) ของยูฟ่า ได้ ผ่านกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ดังนี้
- เชลซีใช้เทคนิคการให้ ‘สัญญาระยะยาว’ กับนักเตะดาวรุ่งคนใหม่ เช่น เอนโซ เฟร์นันเดซ (8 ปี), มอยเซส ไกเซโด้ (8 ปี) ซึ่งช่วยให้สโมสรสามารถกระจายค่าตัวนักเตะไปตามระยะเวลาสัญญาได้
เช่น ค่าตัว เอนโซ เฟร์นันเดซ ที่ย้ายจากเบนฟิกามาในราคา 106.8 ล้านปอนด์ กับสัญญา 8 ปี ทำให้ในบัญชีสโมสร เชลซีบันทึกค่าใช้จ่ายเพียง 13.35 ล้านปอนด์ต่อปี วิธีนี้จะช่วยให้เชลซีสามารถเซ็นนักเตะราคาสูงได้ โดยไม่ให้ผลกระทบต่อบัญชีการเงินมากเกินไปในแต่ละปี
- เชลซีสามารถขายนักเตะที่มีมูลค่าทางบัญชีต่ำ..ให้ได้กำไรสูง เช่น เมสัน เมาท์ จากอะคาเดมีโดยตรง ที่ขายให้แมนฯ ยูไนเต็ด 55 ล้านปอนด์ จะถูกนับเป็น กำไรเต็มจำนวน
หรือ การปล่อยตัว ไค ฮาแวร์ตซ์ ให้อาร์เซนอล 65 ล้านปอนด์ โดยเหลือมูลค่าทางบัญชีเพียง 30 ล้านปอนด์ ซึ่งทำให้ทีมได้กำไร 35 ล้านปอนด์ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เชลซีสามารถสร้างกำไร และลดภาระทางการเงินในเวลาเดียวกัน
- ใช้ช่องโหว่ของ ‘กฎการเงินของพรีเมียร์ลีก’ ที่เดิมทีกำหนดว่า สโมสรสามารถขาดทุนสะสมได้ไม่เกิน 105 ล้านปอนด์ ในช่วงเวลา 3 ปี แต่การที่พรีเมียร์ลีกให้ความสำคัญกับ รายรับ-รายจ่ายจริง (ไม่ใช่เพียงค่าตัวนักเตะ) ทำให้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับอะคาเดมี, ฟุตบอลหญิง และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่เชลซีลงเงินไป…จะไม่ถูกนับรวมในการคำนวณ
อนาคตของเชลซีในตลาดซื้อขาย “มีคนเข้า…ต้องมีคนออก”
แม้ว่าทีมจะมีขุมกำลังที่ล้น แต่คาดว่าซัมเมอร์หน้า เชลซีอาจต้องปล่อยนักเตะหลายรายออกจากทีมเพื่อรักษาสมดุล และสร้างพื้นที่ให้กับแข้งใหม่ โดยนักเตะที่อยู่ในข่ายถูกปล่อยตัว ได้แก่
อักเซล ดิซาซี่, เบน ชิลเวลล์, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เจา เฟลิกซ์, เรนาโต้ เวก้า, เกปา อาร์ริซาบาลาก้า, คาร์นีย์ ชุกวูเอเมก้า และ 2 นักเตะกองหน้าที่หลุดจากวงโคจรทีมชุดใหญ่อย่าง ดาวิด ดาโทร โฟฟาน่า และ อาร์มานโด โบรยา
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า เชลซียังคงยึดมั่นในแนวทางการสร้างทีมด้วยการพัฒนานักเตะดาวรุ่ง และการเซ็นสัญญา เอสซูโก และ เควนดา ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนเพื่ออนาคต
แม้ปัจจุบันทีมจะมีนักเตะในตำแหน่งกองกลางและตัวริมเส้นเยอะมากอยู่แล้ว แต่การมีตัวเลือกที่มีศักยภาพสูงเป็นสิ่งสำคัญ และนี่คือโจทย์ท้าทายของ เอนโซ มาเรสก้า กุนซือคนปัจจุบัน ว่าเขาจะสามารถผลักดันศักยภาพของขุมกำลังที่เต็มไปด้วยแข้งอายุน้อยได้มากแค่ไหน หากต้องนำทีมลุยศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกันกับไลน์ทีมชุดนี้?
อ้างอิง:
- https://www.bbc.com/sport/football/articles/ce8yk09zrjro
- https://www.theguardian.com/football/2025/mar/20/chelsea-complete-625m-double-deal-for-quenda-and-essugo-from-sporting
- https://www.skysports.com/football/news/11668/13332275/chelsea-transfer-sporting-confirm-geovany-quenda-and-dario-essugo-agreements-for-premier-league-switch
- https://thestandard.co/disrupt-strategy-chelsea/