วันนี้ (25 พฤษภาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ลงพื้นที่สำรวจแยกลำสาลี เขตบางกะปิ เพื่อสำรวจการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีส้ม ร่วมกับ มธุรส เบนท์ ว่าที่สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตสะพานสูง พรรคเพื่อไทย และ ชญาดา วิภัติภูมิประเทศ ว่าที่ ส.ก. เขตคันนายาว พรรคเพื่อไทย โดยพบว่าปัญหาหลักในพื้นที่แยกลำสาลีคือมีสภาพการจราจรติดขัดจากการก่อสร้าง เหมือนกับในพื้นที่เขตธนบุรีที่ชัชชาติได้เดินทางไปสำรวจปัญหาเมื่อวานนี้ (24 พฤษภาคม)
ชัชชาติกล่าวว่า ปัญหาในพื้นที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างที่ส่งผลให้การจราจรติดขัด โดยในพื้นที่แยกลำสาลีเองก็เป็นอีกจุดที่สาหัสเหมือนกับที่เขตธนบุรี ซึ่งในพื้นที่แยกลำสาลีนั้นมีการก่อสร้าง 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม รถไฟฟ้าสายสีเหลือง และโครงการสร้างสะพานข้ามแยกจากลาดพร้าวไปยังสุขาภิบาล 1 ทำให้เกิดปัญหาการคืนพื้นผิวการจราจรที่ส่งผลให้เกิดการจราจรติดขัด
สำหรับโครงการสร้างสะพานข้ามแยก มีการแบ่งสัญญาเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนต้น เป็นความรับผิดชอบของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และส่วนปลาย เป็นความรับผิดชอบของ กทม. ชัชชาติกล่าวว่า จากสัญญาพบว่าระยะเวลาการก่อสร้างผ่านมาแล้วถึงร้อยละ 65 แต่การก่อสร้างเดินหน้าเพียงร้อยละ 5 แสดงว่าความคืบหน้าของโครงการมีปัญหา ซึ่ง กทม. ต้องเข้ามาเร่งรัดการก่อสร้าง
ส่วนโครงการรถไฟฟ้า 2 สาย มีประเด็นเรื่องการออกแบบทางเดิน (สกายวอล์ก) เพื่อเชื่อมต่อการเดินทาง แต่ไม่มีลิฟต์คนพิการ เบื้องต้นเข้าใจว่ามีสาเหตุมากจากงบประมาณที่ไม่เพียงพอ ซึ่งต้องตรวจสอบและหาวิธีจัดการเพื่อทำให้สามารถอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้มากที่สุด
สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหา ชัชชาติกล่าวว่า ประการแรกต้องเร่งรัดการก่อสร้าง จากนั้นต้องเร่งคืนพื้นที่ถนนให้ประชาชน ป้องกันไม่ให้ผู้รับเหมาใช้เป็นพื้นที่วางอุปกรณ์ก่อสร้าง ส่วนประเด็นการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ผ่อนปรนให้ผู้รับเหมาส่งงานล่าช้า ชัชชาติกล่าวว่าต้องไปตรวจสอบ หากพบว่าเป็นปัญหาจะแจ้งให้รัฐบาลทราบว่าเงื่อนไขดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหากับประชาชน โดยเน้นย้ำว่า กทม. ต้องเอาจริงเอาจังในการควบคุมการก่อสร้าง เพื่อไม่ให้สร้างปัญหาต่อประชาชน
นอกจากนี้ ชัชชาติยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีข้าราชการสังกัด กทม. ให้ความสนใจนโยบาย 214 ข้อ ขณะที่สำนักงานเขตบางแห่งเริ่มนำนโยบายไปพัฒนา ว่ารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่นโยบายได้รับความสนใจ และเห็นความตื่นตัวในการทำงาน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยชัชชาติกล่าวอีกว่า ยินดีหากมีการเสนอข้อคิดเห็นในการทำงานต่างๆ เข้ามา
ส่วนกรณีที่เว็บไซต์ chadchart.com มีผู้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอนั้น ชัชชาติกล่าวว่า ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะเมืองมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นโยบายไม่ใช่ศิลาจารึกที่จะคงเดิมตลอด แต่นโยบายต้องเปลี่ยนแปลงไปตามวิถีชีวิตคน และพอมีโจทย์ที่เป็นความต้องการของประชาชนก็ทำให้ข้าราชการมีทิศทางในการทำงานที่ดี ซึ่งตนก็อยากจะขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจ และจะพยายามทำให้สำเร็จได้มากที่สุด
“น่าดีใจมากที่สำนักงานเขตหลายแห่งนำนโยบายไปพัฒนาแล้ว ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ทันเข้าทำงานเลย แต่ก็ตื่นตัวกันแล้ว สำหรับผมนี่เป็นมิติใหม่ ผมเชื่อว่าพวกเขาทำได้เกือบหมด พอมีทิศทางทุกคนก็เริ่มตื่นตัว และผมก็ยังดีใจที่วันประกาศผลเลือกตั้ง (อย่างไม่เป็นทางการ) ซึ่งเราก็แนะนำให้ข้าราชการเข้าไปอ่านนโยบายในเว็บไซต์ เผื่อมีข้อติเตียน ข้อแนะนำ จะได้มาพูดคุยกันได้ เขาก็ไปอ่านกัน ผมก็ดีใจ ส่วนนโยบายรายเขตเขาก็ไปดูว่ามันเกี่ยวข้องกับเขาอย่างไรบ้าง มันไม่ได้ยากเลยที่จะทำ ผมว่ามันสนุก และเป็นมิติใหม่ที่เราไม่เคยเห็น” ชัชชาติกล่าว
ทั้งนี้ ชัชชาติกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนได้รับโทรศัพท์แสดงความยินดีจาก รสนา โตสิตระกูล เมื่อวานนี้ ซึ่งชัชชาติกล่าวว่าตนเคารพรสนาเหมือนญาติผู้ใหญ่ ยินดีเป็นอย่างยิ่งหากได้รับคำแนะนำหรือข้อคิดเห็นด้านนโยบาย สำหรับประเด็นระหว่างการหาเสียงไม่รู้สึกติดใจอะไร เพราะเคารพสิทธิของทุกคนในการแสดงออก พร้อมเปิดเผยว่า รสนาได้ให้พิจารณาเรื่องการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าเป็นพิเศษ ซึ่งมีจุดยืนเดียวกัน นั่นก็คือ ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งการพูดคุยกันก็ดำเนินไปด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร