×

‘ชาญศิลป์’ มั่นใจพา ‘การบินไทย’ กลับมาแข็งแกร่งได้ภายใน 3-5 ปี ย้ำเงินเพิ่มทุนรอบนี้ 5 หมื่นล้านบาท จะเป็นล็อตสุดท้าย

20.05.2021
  • LOADING...
‘ชาญศิลป์’ มั่นใจพา ‘การบินไทย’ กลับมาแข็งแกร่งได้ภายใน 3-5 ปี ย้ำเงินเพิ่มทุนรอบนี้ 5 หมื่นล้านบาท จะเป็นล็อตสุดท้าย

การประชุมเจ้าหนี้ บมจ.การบินไทย (THAI) เพื่อลงมติแผนฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ผ่านไปได้อย่างฉลุย หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีตะกุกตะกักบ้างเป็นระยะ โดยในการประชุมเมื่อวานนี้ เจ้าหนี้รวม 28 กลุ่ม จาก 36 กลุ่ม คิดเป็นมูลหนี้รวม 1.16 แสนล้านบาท หรือราว 91.56% ของมูลหนี้ทั้งหมด ได้โหวตผ่านแผนการฟื้นฟูกิจการที่ผู้ทำแผนได้เสนอขึ้นมา 

 

กระบวนการหลังจากนี้ กรมบังคับคดีจะรวบรวมแผนฟื้นฟูกิจการที่ผ่านแล้ว เสนอให้กับศาลล้มละลายกลางเพื่อให้ความเห็นชอบภายในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ และหลังจากนั้นการบินไทยจะเริ่มปรับโครงสร้างทุน พร้อมกับการหาแหล่งทุนใหม่ 5 หมื่นล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อใหม่ทั้งหมดจาก 2 ส่วนคือ จากภาครัฐ 2.5 หมื่นล้านบาท และภาคเอกชนซึ่งก็คือเจ้าหนี้และสถาบันการเงินอีก 2.5 หมื่นล้านบาท 

 

ชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร การบินไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ MORNING WEALTH ของ THE STANDARD WEALTH ว่า เป็นเรื่องดีที่การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการและเจ้าหนี้ยอมรับแผนที่เสนอขึ้นมา เพราะทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจกัน มีการหารือร่วมกันเพื่อผลักดันให้บริษัทยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเรื่องการระบาดของโควิด-19 เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ทำให้บริษัทมีปัญหาทั้งในเชิงรายได้และกำไร 

 

สำหรับการประชุมเจ้าหนี้ในช่วงที่ผ่านมานั้น เจ้าหนี้อาจจะมีคำถามมากกว่า 50 คำถาม พร้อมทั้งขอแก้แผนเล็กๆ น้อยๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งสุดท้ายก็โหวตผ่าน 2 แผนคือ แผนของธนาคารกรุงเทพ และของชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ

 

“แผนของชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ มี 3-4 เรื่อง เช่น เรื่องการแปลงหนี้เป็นทุน การเอาดอกเบี้ยมาแปลงเป็นทุน หรือการบริหารกิจการ รวมไปถึงการสร้าง BU ใหม่ๆ ว่าจะทำอย่างไร และยังคุยถึงเรื่องการมีอำนาจของคณะกรรมการเจ้าหนี้ว่าจะมีอย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี โดยที่ประชุมยังได้เสนอผู้บริหารแผนเพิ่มเติมอีก 5 คน เป็นคนจากธนาคารกรุงเทพเสนอเข้ามา 2 คน รวมทั้งยังมีนักกฎหมายและอดีตรัฐมนตรีอีก 2 คน และมีตัวแทนจากกระทรวงการคลัง 1 คน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี”

 

สำหรับผู้บริหารแผน 5 คนที่เสนอเพิ่มเติม คือ ปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์, ศิริ จิระพงษ์พันธ์, ไกรสร บารมีอวยชัย, ชาญศิลป์ ตรีนุชกร และ พรชัย ฐีระเวช 

 

ชาญศิลป์กล่าวด้วยว่า ในส่วนของแผนการหาสภาพคล่อง 5 หมื่นล้านบาทนั้น จะถือเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่นำมาใช้ในช่วง 1-3 ปีหลังจากนี้ เพราะจากแผนงานของบริษัทมั่นใจว่าหลังจากปีที่ 3 ไปแล้ว การบินไทยจะกลับมามีกำไร ซึ่งปัจจุบัน การบินไทยได้พยายามทำบริษัทให้สลิมลง ด้วยการลดขนาดองค์กรและค่าใช้จ่ายต่างๆ จะเห็นว่าปัจจุบันพนักงานของบริษัทลดลงไปราวๆ 1.5 หมื่นคน จากเดิมที่เคยมีถึง 2.5 หมื่นคน 

 

นอกจากนี้บริษัทยังพยายามหารายได้อื่นๆ เพิ่มเติมจากธุรกิจที่เป็น Non Core Business ไม่ว่าจะเป็นการขายปาท่องโก๋ หรือครัวซองต์ต่างๆ และยังมีแผนว่าจะทำแฟรนไชส์ด้วย พวกนี้แม้จะเป็นเงินเพียงเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ทำให้คนของการบินไทยที่ยังมีศักยภาพได้มีงานทำ

 

ส่วนคำถามที่ว่าการบินไทยจะกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่นั้น ชาญศิลป์ตอบว่า ตัวเขาไม่สามารถตอบได้เพราะต้องขึ้นกับเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้น แต่หากจะกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจก็คงต้องพิจารณาว่าจะกลับไปด้วยรูปแบบไหน อย่างไร และอยู่ที่ว่าภาครัฐเห็นความสำคัญของการบินไทยมากน้อยแค่ไหน

 

“หากเห็นว่าการบินไทยมีส่วนผลักดันเศรษฐกิจ ผลักดันการท่องเที่ยว การจ้างงาน ธุรกิจโรงแรมต่างๆ ซึ่งพวกนี้สำคัญ เพราะการบินไทยก็เหมือนสายการบินอื่นๆ เช่น Lufthansa, Japan Airlines, Singapore Airlines หรือ Korean Air ที่ในยามวิกฤตรัฐจะเข้ามาช่วย ซึ่งการช่วยเหลืออาจมาในรูปแบบที่แตกต่างกันไป เช่น การให้สิทธิประโยชน์ การยืดหนี้ การค้ำประกันหนี้ หรือแม้แต่การเอากองทุนต่างๆ เข้ามาลงทุน”

 

ชาญศิลป์กล่าวทิ้งท้ายอย่างมั่นใจว่า ใน 3-5 ปีข้างหน้า การบินไทยจะไปต่อได้อย่างแน่นอน แม้บางสถานการณ์จะอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท เช่น ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น หรือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่การที่เราสลิมลงจะช่วยลดทอนผลกระทบได้มาก


พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising