×

ไชยามพวาน สส. เขตจอมทอง พรรคก้าวไกล ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมคุกคามทางเพศ ยืนยันพร้อมให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติ

โดย THE STANDARD TEAM
01.11.2023
  • LOADING...
ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์

วันนี้ (1 พฤศจิกายน) ที่รัฐสภา ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กทม. พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ถูกกล่าวหาทางเพศว่า ต้องขอโทษประชาชนที่ไม่ได้ออกมาชี้แจง เนื่องจากอาจกระทบทีมงานที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา รวมถึงส่งผลต่อพรรค ตนจึงไม่สามารถออกมาพูดอะไรได้เลย และหลักฐานหลายอย่างมาจากช่องแชตส่วนตัว ตนทราบว่าเมื่อเราเงียบจะทำให้หลายๆ ฝ่ายลำบาก ซึ่งกระบวนการที่กำลังจะเข้าต่อไปคือกระบวนการของ กกต. เนื่องจากมีผู้ยื่นไปร้องให้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้มีความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย หากพรรคตัดสินเบาหรือหนักก็จะเป็นข้อครหา หากให้ กกต. เป็นคนกลางมาตัดสิน ตัวผู้ร้องจะได้มีความมั่นใจที่มากขึ้น 

 

ไชยามพวานกล่าวว่า ตนบริสุทธิ์ใจที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของ กกต. และยืนยันว่า สิ่งที่ผู้ร้องร้องทุกกรณีนั้น ตนไม่ได้มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ และยังทำงาน 7 วันอย่างหนักหน่วง ถึงแม้จะไม่ได้โพสต์ลงโซเชียล ตนยังพยายามแก้ปัญหาในพื้นที่ ต้องขอโทษจริงๆ ที่เงียบหายไปและทำให้ทุกคนลำบากใจ เราทราบดีแล้วว่าการเงียบหายไม่ได้ส่งผลดีกับใคร และตนพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการของชั้น กกต. อย่างสุดความสามารถ

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไรต่อหากพรรคตัดสินว่าเข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรง ไชยามพวานกล่าวว่า ตนในฐานะผู้ถูกร้องยังไม่ได้เห็นหลักฐานว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งวันนี้ก็จะมาขอหลักฐานที่เป็นเอกสารและนำมาสื่อสารกับประชาชน และพร้อมจะออกทุกรายการและทุกช่องทาง

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ชี้แจงกับ กก.บห. พรรคอย่างไรบ้าง ไชยามพวานกล่าวว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ยังไม่ได้มีหลักฐานที่เป็นเอกสาร เราตั้งใจที่จะคลี่คลายทีละข้อ สำคัญที่สุดคือตนได้เข้าไปสู่กระบวนการ กกต. เพื่อพิสูจน์ความจริง 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยังยืนยันว่าจะเดินหน้าทำหน้าที่ สส. และต่อสู้กับข้อกล่าวหาดังกล่าว ไชยามพวานกล่าวว่า เราจะสู้กับข้อเท็จจริง แต่ขอยืนยันว่าจะไม่มีทางฟ้องผู้ร้องแน่นอน เพราะเรามีความสัมพันธ์กับทุกคนในการทำงานร่วมกัน อาจมีการเข้าใจผิด

 

“แต่ขอยืนยันว่าในฐานะลูกผู้ชาย และเป็น สส. ขอยืนยันว่าจะไม่มีการฟ้องร้องแน่นอน แต่ในส่วนของกระบวนการยุติธรรมต้องพิสูจน์ต่อไป หากพรรคมีมติทางใดทางหนึ่งในการลงโทษ ก็เป็นกระบวนการลงโทษของพรรค แต่ผมไม่อยากให้เป็นข้อครหาว่าพรรคตัดสินเบาหรือตัดสินหนัก ผมเป็นห่วงพรรครวมถึงเป็นห่วงผู้ร้องจึงอยากให้ทุกฝ่ายรู้สึกว่าได้รับความเป็นธรรมอย่างแท้จริง การเข้าสู่กระบวนการที่มีคนกลางดีที่สุด” ไชยามพวานกล่าว

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคไม่ทำอะไรเลยจะเป็นข้อครหาหรือไม่ เนื่องจากว่าพรรคแถลงยอมรับว่าเข้าข่ายความผิดร้ายแรง ไชยามพวานกล่าวว่า ขอยืนยันอีกครั้ง ผมไม่ได้อยากให้มีข้อครหา คืออยากได้ความเป็นธรรมมากกว่า ความเป็นธรรมที่คนกลางมาตัดสิน ส่วนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรบ้างนั้น ตนขอให้ได้เอกสารข้อกล่าวหาก่อน ทางที่ดีควรดูจากเอกสารจะได้ชี้แจงเป็นข้อต่อข้อ

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ทำตามที่เป็นข่าวหรือไม่ ไชยามพวานกล่าวว่า ยืนยันว่าในทุกข้อกล่าวหาที่ร้องเรียนตนออกมา ตนไม่ได้มีพฤติกรรมตามที่ผู้ร้องเรียนร้องเรียนมาในทุกข้อกล่าวหา 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ท้ายที่สุดหากพรรคมีมติขับออกจากพรรคก็น้อมรับหรือไม่ ไชยามพวานกล่าวว่า ตนยืนยันว่าวันนี้ตั้งใจมาชี้แจง และลงไปหาสื่อมวลชนก็หาไม่เจอ หากเข้าสู่กระบวนการ กกต. แล้วบอกว่าผิดตนก็พร้อมที่จะลาออกจากพรรคก้าวไกล แต่หากตัดสินว่าถูกก็ต้องว่าไปตามถูก

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่โยนให้ กกต. ตัดสินแปลว่าพรรคไม่มีความเป็นกลางใช่หรือไม่ ไชยามพวานกล่าวว่า ตนไม่เคยพูดอะไรแบบนั้น แค่บอกว่าการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของ กกต. ทุกฝ่ายจะได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด ส่วนเป็นการส่งสัญญาณให้พรรครอคำตัดสินของ กกต. หรือไม่นั้น ไชยามพวานกล่าวว่า “ไม่ใช่ครับ เราไม่ได้ส่งสัญญาณถึงใคร แต่กระบวนการดังกล่าวคือทำให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม”

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเป็นการดิสเครดิตบุคคลและพรรคหรือไม่ ไชยามพวานกล่าวว่า ก็อย่างที่เห็นว่ามีกระบวนการดิสเครดิตทั้งตนและพรรค ตนไม่อยากพูดอะไรเพราะมีหลักฐานอยู่ และตนอยากพิสูจน์ข้อเท็จจริงกับ กกต. ก่อนนำไปสู่การพิสูจน์ว่าการพยายามดิสเครดิตเป็นเรื่องจริง 

 

ไชยามพวานกล่าวยืนยันทิ้งท้ายว่า ในสิ่งที่ผู้ร้องร้องมานั้นตนไม่มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศทั้ง 3 ข้อร้องเรียน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising