“เป็นศิลปินคนหนึ่งที่ชอบร้องเพลง รักเสียงเพลง ชอบอะไรที่สร้างสรรค์ และไม่ชอบมีปัญหากับใคร”
เบียร์-ภัสรนันท์ อัษฎมงคล แนะนำตัวเองไว้แบบนั้นในรายการ Chairs to Share ซึ่งทั้งกระชับ ชัดเจนในตัวตน และคล้ายกับเธอตั้งใจจะบอกกล่าวกับผู้คนว่านอกเหนือไปจากภาพจำของผู้หญิงเซ็กซี่ที่มักถูกพูดถึงเฉพาะเรื่องราวของความรัก และข่าวคราวดราม่าหนักหน่วงที่ต้องเจอมาโดยตลอด อย่าเพิ่งลืมว่าเธอคือนักร้องและศิลปินผู้ไม่เคยหยุดสร้างสรรค์ผลงานทางดนตรีนับตั้งแต่เป็นที่รู้จักในฐานะ ‘เบียร์ เดอะวอยซ์’
“เบียร์มองว่าตัวเองเป็นศิลปินคนหนึ่ง ตลอดเวลาที่มีข่าวความรักก็ไม่เคยหยุดทำงาน แม้แต่ตอนนี้เบียร์ก็กำลังทำการบ้านเรื่องมินิอัลบั้ม อยากเตรียมกระสุนเอาไว้เพื่อปล่อยอย่างต่อเนื่อง” เธอบอกเล่าด้วยนัยน์ตายิ้มได้ที่สื่อถึงความเข้มแข็งและกล้าหาญจากภายในอย่างแท้จริง เพราะคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนทำงานสร้างสรรค์ที่ต้องฝ่าฟันคลื่นลมของข่าวต่างๆ ที่ถาโถมโจมตีจิตใจหลายระลอกไปพร้อมๆ กับลงมือทำงาน แต่เพราะเธอเป็นเจ้าของทัศนคติที่แข็งแรงนี่เอง เบียร์จึงขอแบ่งปันบางแง่คิดที่ผ่านการตกตะกอนจนกลมกล่อมในตัวเองให้คนที่กำลังเผชิญเรื่องราวคล้ายกับเธอผ่านพ้นฝันร้ายไปให้ได้
“ตั้งแต่มีข่าวออกไปมีน้องๆ หลายคนทักเข้ามาเล่าเรื่องราวส่วนตัว เบียร์ถึงเพิ่งรู้ว่ามีคนโดนแบบนี้เยอะกว่าที่เราคิด แต่ไม่ถูกเอาออกมาพูดกันมากนักหรอก เพราะทุกคนรู้สึกอาย ณ วันนี้เบียร์เลยอยากบอกว่าถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดไม่ต้องไปอาย
“การที่เบียร์มานั่งอยู่ตรงนี้เบียร์ไม่อายนะที่โดนทำแบบนั้น เพราะเบียร์ไม่ได้เป็นคนเอาคลิปไปปล่อย เราแค่ซวย ไม่มีใครโชคดีตลอดทั้งชีวิตหรอก เลยอยากบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องอายเลย และมันไม่ใช่เรื่องที่จะมาหยุดชีวิตเราให้หยุดอยู่แค่นี้ เบียร์ยังร้องเพลงได้ เต้นได้ ทำอะไรได้อีกหลายอย่าง อย่าให้เรื่องแค่นี้มาหยุดเราไว้”
ในทางกลับกัน แทนที่จะจมอยู่กับคอมเมนต์ชวนดิ่งดาวน์ เบียร์เลือกจะเดินหน้าใช้ชีวิตไปกับกำลังใจดีๆ ของคนที่เข้าใจในตัวเธอจริงๆ
“เบียร์เลือกที่จะมองคนที่เข้าใจเรา ชอบที่เราเป็นเราจริงๆ คนที่ให้กำลังใจและยังอยู่กับเรา เบียร์ไม่ให้ค่ากับคนที่คิดแต่จะเกลียด คนเหล่านั้นไม่ได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของเราเลย บางคนพิมพ์โดยไม่คิดด้วยซ้ำ แต่ก่อนที่เราจะมีความสุขได้เราต้องมองไปในกระจกแล้วรู้สึกชอบและภูมิใจในตัวเอง อยากเห็นตัวเองเป็นแบบไหนก็ให้ทำแบบนั้น
“อย่างเรื่องแต่งตัว เบียร์มองว่าการที่เรามีความสุขโดยที่ไม่ได้อยู่บนความทุกข์ของใครไม่ใช่เรื่องผิด เราแต่งตัวบนร่างกายของเรา ตราบใดที่ยังอยู่ในกาลเทศะที่เหมาะสมก็ไม่ต้องไปคิดเยอะว่าใครจะคิดยังไง มันเป็นความสุขของเรา คนที่เขาไม่มีความสุขก็เป็นเรื่องของเขา ทำไมฉันแต่งตัวแบบนี้แล้วเขาต้องไม่มีความสุข… นั่นสิ”
เบียร์ย้ำกับตัวเองและอยากส่งต่อข้อความนี้ไปสู่ผู้คนว่า “อย่าให้ใครมาพรากความสุขไปจากเรา อย่าให้อะไรมาหยุดชีวิตของเราได้ เราต้องได้ทำในสิ่งที่เรารู้สึกว่าเราต้องลงมือทำ
“อย่างการแต่งเพลง ตอนแรกเบียร์ก็ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ แต่เราก็ต้องลองทำ ฟีดแบ็กต้องมีทั้งลบและบวก วันนี้เพลงของเราอาจจะยังไม่น่าฟังสำหรับคนอื่น แต่ขึ้นชื่อว่างานศิลปะย่อมไม่ได้เหมาะกับคนทุกคนบนโลกอยู่แล้ว มันเป็นการตามหาคนที่มีไวบ์เดียวกับเรา ถ้าเราคิดแบบนี้จะทำให้เรากล้าที่จะลงมือทำต่อไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งงานอาจจะดีขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ”
จากบทสนทนาที่เริ่มต้นจากประเด็นความกล้าหาญของผู้หญิงคนหนึ่งที่ก้าวออกมาเปิดใจในดราม่าที่ต้องเจอ เบียร์เปิดเผยตัวตนให้ผู้คนได้รู้จักทุกความกล้าในอีกหลายแง่มุมของชีวิต โดยเฉพาะเรื่องของการทำงานเพลง
“เบียร์ขอบคุณตัวเองเรื่องความกล้าหาญ ในตอนที่เริ่มทำเพลงแรกกับเพลงที่สอง เบียร์บอกทุกคนว่าลองทำดู กำลังฝึกอยู่ เรายังไม่เก่งหรอก ต้องขอบคุณเพื่อนและคนรอบข้างที่แม้บางคนอาจจะยังไม่ชอบเพลงของเราหรอกแต่ก็ไม่เคยห้าม และไม่บั่นทอนกำลังใจกัน ในวันที่ล้ม พวกเขาอยู่กับเบียร์เสมอ”
ไม่เฉพาะการมีเพื่อนดีอยู่รอบตัว ครอบครัวคือแรงหนุนนำสำคัญที่เสริมกำลังใจและความกล้าหาญให้หญิงสาวก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง
“เบียร์ค่อนข้างเหมือนแม่ ไม่มีอะไรที่ทำให้แม่อยู่ไม่ได้ การกระทำของเขาชัดเจน อย่างพอเกิดเรื่องนี้ขึ้น แม่ไม่เคยถามว่าถ่ายทำไม แต่เขาโกรธแทนเราและให้กำลังใจเรา แม่บอกให้เบียร์เอาความยุติธรรมกลับมาให้ตัวเองให้ได้”
จากสารพัดเรื่องราวที่ต้องพบเจอและเธอฝ่าฟันมาได้จึงไม่แปลกที่เบียร์มักบอกกับตัวเองอย่างภูมิใจเสมอว่า “เธอเก่งมาก”
“การที่เบียร์มีทุกวันนี้ได้ รู้สึกว่าตัวเองเก่งมากที่ต่อสู้กับเรื่องราวเยอะแยะ เบียร์เคยเจอมาหนักกว่านี้ตั้งแต่อายุ 18-19 ปี แต่ทุกคนไม่เคยรู้ เพราะเบียร์ปล่อยมันไป เราแค่ภูมิใจในตัวเองที่ต่อสู้ ไม่ยอมแพ้ และไม่เคยตัดสินใจเลือกทางลัด”
ยังมีอีกหลายแง่มุมของ เบียร์ ภัสรนันท์ ที่จะทำให้คุณรู้จักเธอมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติในการมีชีวิตคู่ที่เธอจริงจังในการเลือกคู่ครองเสมอ มุมมองต่อการเป็นแม่คนที่เบียร์อยากสอนลูกให้มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ไปจนถึงการวางแผนชีวิตในอนาคต หากวันหนึ่งที่เธออิ่มตัวจากการเป็นคนเบื้องหน้า คุณอาจพบเธอกำลังร้องเพลงอย่างมีความสุขที่เมืองริมทะเลสักแห่ง
และที่พิเศษไปกว่านั้นคือบทเพลงที่เบียร์ร้องให้ชาว Chairs to Share ฟังเป็นที่แรก เพลงที่เธอใช้ความกล้าหาญในการแต่งและร้องมันออกมาทั้งน้ำตา คือบทสรุปที่บอกเรื่องราวในชีวิตของ เบียร์ ภัสรนันท์ ในวัยนี้ได้ดีที่สุดแล้ว
รับชม Chairs to Share EP.21 เบียร์ ภัสรนันท์ กับความกล้าหาญในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง ได้ที่: