วันนี้ (29 มีนาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา รับฟังปัญหาจากผู้นำชุมชนเขตหนองจอก ที่สภากาแฟเพื่อนชัชชาติ ร้านมาซิมเบิ่ง หมู่บ้านอมรทรัพย์ พบปัญหาหลายด้าน เช่น น้ำท่วมขังรอการระบาย การจัดเก็บขยะ การจราจรติดขัด ขาดแคลนระบบขนส่งมวลชน ตลอดจนบริการทางด้านสาธารณสุข โรงเรียนอนุบาล และพื้นที่สีเขียวคุณภาพ
ชัชชาติกล่าวว่า เขตหนองจอกเป็นพื้นที่สำคัญ มีประชากรกว่า 190,000 คน อนาคตมีแนวโน้มมีประชากรสูงสุดในกรุงเทพมหานคร (กทม.) เดิมหนองจอกเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ต่อมาเมืองขยายตัวและเกิดหมู่บ้านจัดสรร ส่งผลให้บริการสาธารณูปโภค-สาธารณูปการไม่ทั่วถึง กทม. จำเป็นต้องขยายการให้บริการตามประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้เขตหนองจอกมีศักยภาพเป็นแหล่งอาหารของ กทม. เนื่องจากยังมีพื้นที่เกษตรกรรมจำนวนมาก ชัชชาติมีแนวคิดพัฒนาตลาดสำหรับเกษตรกร และพัฒนาแอปพลิเคชันตลาดออนไลน์ให้ผู้บริโภคเข้ามาซื้อสินค้าเกษตรได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
ชัชชาติย้ำว่า 50 เขต กทม. มีปัญหาที่หลากหลายและไม่เหมือนกัน จึงมีแนวคิด ‘ผู้ว่าฯ สัญจร’ เพื่อรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นจริงจากประชาชนในพื้นที่ และเป็นกลไกกระตุ้นการทำงานของสำนักงานเขตด้วย
“โจทย์แต่ละเขตไม่เหมือนกัน หัวใจคือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องลงมาคุยกับประชาชน เพื่อให้เห็นถึงปัญหาแต่ละเขต สำนักงานเขตต้องลุยพื้นที่มากขึ้น เรามีนโยบายผู้ว่าฯ สัญจร เพื่อจัดการประชุมทุกเขตให้ครบ 50 เขตใน 1 ปี โดยไม่ต้องรอให้ประชาชนเข้าหา” ชัชชาติกล่าว
ด้าน นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กล่าวว่า เห็นชัชชาติทำงานมาตลอด 2 ปีกว่า เชื่อมั่นในนโยบายเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน จับต้องได้ ไม่เพ้อฝัน สร้างความเปลี่ยนแปลงของ กทม. ได้จริง พร้อมกล่าวว่า เคยทำงานใน กทม. ตำแหน่งรองปลัดกรุงเทพมหานคร ตนทำงานกับผู้ว่าฯ กทม. มาแล้ว 9 คน จึงรู้ความต้องการของ กทม. เป็นอย่างดีว่าต้องการผู้ว่าฯ แบบไหน ยกชัชชาติเป็นผู้ว่าฯ ที่คน กทม. ต้องการ
