วันนี้ (22 มิถุนายน) ที่ศูนย์บรรเทาชั่วคราวศูนย์สร้างสุขทุกวัยบ่อนไก่ (ศูนย์เยาวชนบ่อนไก่) เขตปทุมวัน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของผู้ประสบเพลิงไหม้จากเหตุการณ์เพลิงไหม้บ้านเรือนเมื่อวานนี้ (21 มิถุนายน)
ชัชชาติกล่าวว่า วันนี้การช่วยเหลือเข้าสู่ขั้นตอนการลงรายละเอียดให้ชัดเจนขึ้น เพราะจากการพูดคุยแต่ละคนพบว่ามีความต้องการแตกต่างกัน จากข้อมูลที่ได้รับมีเด็กเล็กสุดคืออายุ 4 เดือน ซึ่งต้องประเมินว่าต้องการอะไร นมหรือแพมเพิร์สมากน้อยเท่าไร เด็กนักเรียนหลายคนต้องหยุดเรียนวันนี้เพราะไม่มีชุดนักเรียน ชุดไฟไหม้หมดแล้ว บางคนยังไม่ได้อาบน้ำด้วย ซึ่งเรื่องนี้ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำรายชื่อว่ามีใครอยู่โรงเรียนไหนบ้างเพื่อจะได้ดูแลเรื่องอุปกรณ์การเรียน เพราะมองว่าไม่อยากให้เด็กต้องหยุดเรียนนาน อาจจะหยุดได้วันนี้ แต่พรุ่งนี้ต้องกลับไปเรียนแล้ว
ส่วนกลุ่มต่อมาคือคนทำงานที่ยังพอเอาตัวรอดได้เพราะมีงานรองรับ ส่วนมากที่พบจะเป็นพนักงานทำความสะอาดและพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ทำงานอยู่ตามอาคารรอบบริเวณนี้ ขยับไปอีกกลุ่มจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุส่วนที่มีอาการป่วยต้องกินยา ส่วนนี้ก็ให้ฝ่ายสาธารณสุขเข้าไปดูแลจัดยาให้กินยาได้ต่อเนื่อง และอีกกลุ่มหนึ่งคือผู้ป่วยทางด้านจิตเวชส่วนนี้ต้องทำรายละเอียดให้ชัดเจน
รวมทั้งต้องดูเพิ่มในส่วนของห้องอาบน้ำ เพราะยังเป็นปัญหาไม่มีที่อาบน้ำที่ดีและเพียงพอ อีกทั้งศูนย์พักพิงนี้อาจทำหน้าที่ได้แค่ชั่วคราว สิ่งที่กำชับว่าต้องมีไม่ให้ขาดคืออาหารที่มีไว้เป็นหลัก 3 มื้อจะรอรับบริจาคจากหน่วยงานต่างๆ อย่างเดียวไม่ได้
ชัชชาติกล่าวต่อไปว่า ในส่วนหัวประปาแดง ได้รับข้อมูลว่ามีอยู่รอบชุมชนจำนวนสามหัวจ่าย แต่ปัญหาที่จริงแล้วคือในส่วนของเส้นเลือดฝอยที่ต้องเข้าไปแต่ละชุมชนให้ได้ สิ่งที่พบคือการจะดับเพลิงต้องลากสายเข้าไปด้วยความลำบากหัวประปาไปแดงในชุมชนเองไม่ได้มีรองรับ รวมทั้งรูปแบบบ้านก็เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งด้วย เพราะเมื่อหลังคาเป็นสังกะสีตัวบ้านเป็นไม้เมื่อฉีดน้ำไปน้ำจะโดนแต่สังกะสีไม่ตกไปที่ไม้ที่มีไฟเพราะหลังคาคลุมต่อเนื่องกันหมด จากนี้อาจจะต้องให้ความสำคัญเพิ่มเติมในส่วนของถังดับเพลิงแดงที่จะสามารถดับตั้งแต่ต้นทางได้ ซึ่งจะต้องฝึกชาวบ้านให้เข้าใจวิธีการใช้เบื้องต้น
ชัชชาติกล่าวด้วยว่า ปัญหาหนึ่งที่พบเมื่อวานนี้ขณะเกิดเหตุคือมีผู้สูงอายุจำนวนมากอาศัยอยู่ในบ้านพักช่วงกลางวัน คนหนุ่มสาวออกไปทำงานหมด เพราะฉะนั้นจึงไม่มีผู้ที่สามารถเผชิญเหตุได้ ซึ่งช่วงเวลาสำคัญคือ 8 นาทีแรกในการเกิดเหตุ ในส่วนนี้ตนได้ให้ ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. ที่จะมาติดตามลงพื้นที่ในช่วง 11.00 น. ร่วมประชุมหารือถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และจะสรุปภายในบ่ายวันนี้
ทั้งนี้ ชัชชาติกล่าวอีกว่า ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่ากำลังใจ เพราะผู้ประสบภัยชีวิตเปลี่ยนภายในเสี้ยวนาที สิ่งที่หาและเก็บออมมาทั้งชีวิตต้องหมดไป เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด เพราะฉะนั้นตอนนี้ถ้าช่วยอะไรได้ก็จะต้องช่วยอย่างเต็มที่
โดยชัชชาติได้พูดคุยกับตัวแทนจากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ที่เข้ามาเยี่ยมผู้ประสบภัยเช่นกัน และฝากให้ช่วยประสานเรื่องไฟฟ้าในพื้นที่ เนื่องจากมีบางจุดที่โดนตัดไฟจากเหตุไฟไหม้และช่วงกลางคืนมืดสนิท เพื่อให้ไฟได้กลับมาสว่างอีกครั้ง และช่วยตรวจสอบความเรียบร้อยจากการที่ต้องพ่วงไฟมาใช้ในศูนย์พักพิง
ชัชชาติกล่าวด้วยว่า จากนี้เขตต้องมีการตั้งศูนย์ประสานงานให้ชัดเจนและต้องจัดสรรของที่มีผู้มาบริจาคด้วย ของที่บริจาคครบถ้วนทุกรายการหรือไม่ ส่วนไหนขาดก็จะต้องเสริมเข้าไปจัดสรรให้เพียงพอกับความต้องการ แต่เรื่องที่เร่งด่วนที่สุดตอนนี้คืออนาคตพวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน เพราะส่วนมากผู้ที่ประสบภัยคือผู้ที่ต้องเช่าบ้านเดือนละ 1,500-2,000 บาทต่อเดือน จึงจำเป็นต้องหาที่อยู่ใหม่ที่จะจ่ายค่าเช่าด้วยราคาเท่านี้ให้ได้
