วันนี้ (6 กรกฎาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) กล่าวถึงการทำงานตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา หลังประชาชนเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน เช่น เรื่องของการเปิดใช้อุโมงค์ทางลอดข้ามแยก และการลอกท่อ ระบายน้ำ ทำให้น้ำไม่ท่วม
ชัชชาติกล่าวว่า ความจริงแล้วคนอื่นทำเรื่องเหล่านี้มาก่อน แต่ตนเข้ามาเร่งรัดในช่วงสุดท้ายจนสำเร็จ ถือเป็นผลงานที่ต่อเนื่อง และตนเองอาจจะโชคดีที่มาทำในช่วงสุดท้ายก็สำเร็จพอดี ซึ่งก็ถือเป็นการร่วมมือร่วมใจของคนที่มีพลัง และต่อไปประชาชนจะต้องช่วยดูแลความสะอาดและดูแลเมืองให้ดีขึ้น ยกตัวอย่างเรื่องน้ำเสีย ต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือการไม่ทิ้งขยะ ไม่ใช่ที่ปลายเหตุ
ส่วนการเตรียมฉายหนังกลางแปลงในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ชัชชาติกล่าวว่า ระเบิดแน่เลย เพราะคิดว่าคนน่าจะให้ความสนใจและจะต้องมาเยอะ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ตนไปวิ่งที่สวนลุมพินี พบประชาชนเดินทางมาจากจังหวัดนครราชสีมาเพื่อเตรียมมาดูหนังกลางแปลง
ก่อนจะเอ่ยปากอยากกินอ้อยควั่น ส่วนกรณีที่มีความเป็นห่วงหากประชาชนเดินทางมารวมตัวจำนวนมากและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด ชัชชาติกล่าวว่า ต้องเฝ้าระวังกลุ่ม 608 เพราะเท่าที่ติดตามสถานการณ์โควิดรอบนี้ อาการไม่ได้รุนแรงมาก ยกเว้นกลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีโรคป่วยเรื้อรัง รวมถึงกลุ่มเด็ก ที่อาจจะนำไปติดผู้สูงอายุที่บ้าน
อีกทั้งมองว่าการฉายหนังกลางแปลงเป็นสถานที่โล่ง มีการเว้นระยะห่าง จึงไม่ได้กังวลเหมือนพื้นที่ปิด
ชัชชาติยังได้กล่าวถึงการจัดแข่งขันวงโยธวาทิตของโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมาว่า โคราชเขาก็เจ๋ง และเมื่อวานนี้ (5 กรกฎาคม) ตนเองได้เดินทางเข้าไปดูการซักซ้อมของวงดุริยางค์โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ก็สนุกดี และมีความไพเราะ ฟังแล้วขนลุก ตนมองว่าเป็นเหมือน Soft Power ที่ทำให้เด็กมีวินัยในการฝึกซ้อม นอกจากนี้เจ้าอาวาสวัดสุทธิวรารามยังท้าวาดรูปแข่งขันกับศิลปินที่เชียงราย ซึ่งไม่ใช่การชวนเรื่องเล่นๆ แต่ทุกอย่างมียุทธศาสตร์ เนื่องจากเป็นมิติของการสร้าง Soft Power