วันนี้ (5 กรกฎาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการจัดทำระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรของกรุงเทพมหานคร (BMA-ERP) และโครงการพัฒนาระบบศูนย์รับคำขออนุญาตของกรุงเทพมหานคร (BMA OSS)
ชัชชาติกล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมติดตามความคืบหน้า 2 เรื่อง เรื่องแรกคือโครงการจัดทำระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ผ่านมายังไม่มีระบบนี้ที่สมบูรณ์แบบ ทำให้การบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆ ไม่ครบถ้วน
วันนี้เป็นการรายงานความคืบหน้าว่าขั้นตอนไปถึงไหนแล้ว ที่ผ่านมาการบริหารจัดการข้อมูลเป็นในรูปแบบของแต่ละหน่วยงานต่างดำเนินการกันเอง ทำให้ข้อมูลไม่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน หากบริหารจัดการข้อมูลให้ดีจะทำให้ใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งได้เน้นย้ำว่าขอให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ได้ราคาถูกที่สุด และได้คุณภาพที่ดี อย่าให้มีการล็อกสเปกใดๆ ทั้งสิ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำ TOR
เรื่องที่ 2 โครงการพัฒนาระบบศูนย์รับคำขออนุญาตของกรุงเทพมหานคร (BMA OSS) หรือ One Stop Service เป็นโครงการที่ได้มีการจัดจ้างไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 เป็นระบบที่ทำให้สามารถยื่นขอใบอนุญาตต่างๆ ได้ที่จุดเดียวและดำเนินการแบบออนไลน์ ทำให้สะดวกขึ้น
ชัชชาติกล่าวต่อว่า เรื่องดังกล่าวเป็น 1 ใน 217 นโยบายด้วย ต้องขอบคุณทางผู้บริหารชุดที่แล้วได้เริ่มโครงการมาก่อน แต่หัวใจของโครงการไม่ใช่แค่เรื่องอำนวยความสะดวก แต่เป็นเรื่องการสร้างความโปร่งใส เพราะว่าจุดประสงค์ของ One Stop Service คือต้องลดการใช้วิจารณญาณหรือดุลพินิจของแต่ละบุคคล แต่ละเจ้าหน้าที่
ดังนั้นอะไรที่สามารถใช้ระบบคอมพิวเตอร์หรือไอทีในการตัดสินใจได้ให้ดำเนินการ หากมีรูปแบบหรือขอบเขตงานใดที่ไม่ได้อยู่ในสัญญาให้แนะนำไว้ เช่น ยื่นแบบก่อสร้าง ระยะเว้น ระยะร่น ถ้าส่งข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถดำเนินการตรวจสอบเองเลยได้ไหม ไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจ ให้ทั้งหมดเป็นอิเล็กทรอนิกส์ และใช้ระบบคอมพิวเตอร์ AI ตรวจสอบเองได้หรือไม่ เพื่อลดการพบเจอเจ้าหน้าที่ ซึ่งเรื่องนี้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันก็ให้ความสำคัญ โครงการนี้จะเป็นตัวกลาง ที่นอกจากความสะดวกแล้วก็น่าจะลดเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน การใช้ดุลพินิจ ปัญหาต่างๆ ที่มีคนร้องเรียนเข้ามา
ชัชชาติกล่าวว่า ทั้งสองโครงการมีความคืบหน้าและเป็นโครงการที่ผู้บริหารชุดก่อนได้เริ่มไว้ ต้องขอขอบคุณ แล้วเราจะดำเนินการต่อและจะทำตามให้ตรงวัตถุประสงค์ของโครงการ และจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ส่วนในอนาคต Traffy Fondue จะรับเรื่องร้องเรียนเรื่องความไม่โปร่งใสเพิ่มเข้าไป ซึ่งจะแยกเป็นอีกเรื่อง โดยเรื่องความเดือดร้อนปกติทั่วไปประชาชนสามารถแจ้งมาได้ หากมีเรื่องการทุจริต ไม่โปร่งใส หรือมีการเรียกรับค่าใช้จ่าย ก็แจ้งมาได้เช่นกัน แต่ต้องปกปิดข้อมูลผู้แจ้ง นี่ก็จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ประชาชนจะสามารถแจ้งมาได้