วันนี้ (28 มิถุนายน) ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับตัวแทนการประปานครหลวง การไฟฟ้านครหลวง และกองบัญชาการตำรวจนครบาล หลังหาแนวทางร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างไร้รอยต่อ
ชัชชาติกล่าวว่า ทางการประปานครหลวงรับปากว่าจะไปหาจุดติดตั้งน้ำดื่มที่สะอาดเพื่อให้บริการประชาชนเพิ่มเติม โดยไม่ให้กีดขวางทางเดิน มีความสะดวก สะอาด เชื่อว่านโยบายนี้จะช่วยให้ประชาชนประหยัดเงินในการซื้อน้ำดื่มและลดปริมาณขยะจากพลาสติกได้
ส่วนการไฟฟ้านครหลวงหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ตลาดสำเพ็ง ชัชชาติกล่าวว่า ประชาชนมีความไม่เชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับหม้อแปลงไฟฟ้าที่อยู่ใกล้กับอาคารบ้านเรือน ซึ่งจากรายงานขณะนี้ในกรุงเทพฯ ชั้นใน มีหม้อแปลงไฟฟ้าที่จ่ายไฟทั้งหมด 400 ลูก และจากเดิมการบำรุงรักษาการไฟฟ้านครหลวงจะดำเนินการทุก 1 ปี แต่จากนี้จะปรับรูปแบบเพิ่มความถี่ในการบำรุงรักษาเป็น 6 เดือนต่อ 1 ครั้ง
ขณะเดียวกัน จากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้มีบทเรียนหลายอย่าง โดย กทม. จะไปดูการจัดระบบสายสื่อสารที่รกรุงรังและอยู่ติดกับหม้อแปลงไฟฟ้า เบื้องต้นจะเร่งประสานเจ้าของสายสื่อสารเข้ามาตัดสายตายที่ไม่ได้ใช้งานออกไป เพื่อความเป็นระเบียบและความปลอดภัย โดยจะนำร่องในพื้นที่ย่านเยาวราชก่อน ซึ่งถือเป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสหลังเกิดเพลิงไหม้
ส่วนการนำสายต่างๆ ลงดินต้องใช้เวลา เพราะจะต้องใช้งบประมาณ พร้อมย้ำเรื่องการดูแลเยียวยาผู้เสียหายจากเหตุเพลิงไหม้สำเพ็งว่า แม้ผลการตรวจสอบสาเหตุจะมาจากหม้อแปลงไฟฟ้าหรือไม่ แต่หน่วยงานก็ต้องรับผิดชอบ พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ไปตรวจสอบทรัพย์สินของ กทม. ที่ได้รับความเสียหาย หากพบว่ามีความเสียหายจุดใดการไฟฟ้านครหลวงก็ต้องรับผิดชอบด้วย ไม่เพียงรับผิดชอบความเสียหายของประชาชนเท่านั้น
นอกจากนี้ชัชชาติกล่าวต่อไปอีกว่า เตรียมนัดพบกับ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ เพื่อหารือเรื่องจะนำสายสื่อสารลงดิน แต่ส่วนตัวชัชชาติบอกว่า อยากพบกับชัยวุฒิให้เร็วก่อนวันที่ 4 กรกฎาคม เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนการที่ระบุงบประมาณในการนำสายสื่อสารลงดินอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท ชัชชาติมองว่าเป็นงบประมาณที่สูงเกินไป เพราะถ้าหาก กทม. ทำเองคงไม่ถึง
ซึ่งเรื่องนี้ต้องมาศึกษารายละเอียดอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (TK) ได้ประเมินราคาไว้ในตัวเลขดังกล่าว โดยมอบหมายให้ ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ในฐานะประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ไปดำเนินการตรวจสอบรายละเอียด แต่ทั้งนี้หาก ดีอีเอสจะสนับสนุนงบประมาณในการนำสายสื่อสารลงดิน กทม. ก็ยินดี
ขณะที่ เดชา วิริยะเจริญกิจ ผู้ช่วยผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง กล่าวถึงการตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้าที่ตลาดสำเพ็งว่า จะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบสักระยะจึงจะทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ยังยืนยันการชดเชยค่าเสียหายเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย